Mobile Guide

Mobile Guide - สำหรับบทความ เทคนิค หรือ guide ต่างๆสำหรับเกมเครื่องมือถือต่างๆ ทั้งเก่าใหม่ งูกินหางหรือระดับ next-gen ได้ทั้งนั้น

ระบบที่มีความสำคัญอย่างมากภายใน Dragon Nest 2: Evolution อีกระบบนั่นก็ Guild ซึ่งจะสามารถเข้าร่วมได้ตอนเลเวลตัวละครถึง 17 นอกจากกิลด์จะทำให้เราพบเจอผู้เล่นคนอื่นๆ ภายในเกมแล้ว กิลด์ยังสามารถช่วยอัปเกรดตัวละครของเราทั้งทางตรงและทางอ้อมได้อีกด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามผู้เล่นทุกคนภายในเกมควรมีกิลด์อยู่เป็นอย่างยิ่ง ส่วนระบบกิลด์จะเป็นยังไง ส่วนไหนที่ช่วยเพิ่มค่าพลังให้เราบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบ สมาชิก Guild ต้องโฟกัสอะไรบ้าง? สำหรับสมาชิกกิลด์ส่วนใหญ่ที่เข้ากิลด์มานั้นอาจจะงงๆ ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง หรือต้องทำยังไงถึงจะสามารถอัปเกรดตัวละครของเราผ่านระบบกิลด์ โดยหลักๆ แล้วเมนูที่เราต้องให้ความสนใจจะมีอยู่ด้วยกัน 2 เมนูคือ กิจกรรม และ รางวัล กิจกรรม กิจกรรมกิลด์เป็นสิ่งที่สมาชิกกิลด์ควรเข้าร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากจะช่วยพัฒนากิลด์แล้ว ยังได้รับของรางวัลอย่างแต้ม Contribution ที่สามารถนำไปแลกของจากร้านค้ากิลด์ และ Glazed Amber อีกด้วย โดยกิจกรรมทั้งหมดของกิลด์มีรายละเอียดดังนี้ ชื่อกิจกรรมรายละเอียดของรางวัลบอสกิลด์เวลาเริ่มกิจกรรม: ทุกวัน เวลา 18.30 น.กิจกรรมนี้จะเป็นการเรียกบอสบนแผนที่ Eastern Desert ซึ่งเป็นแผนที่ FREE PK โดยที่กิลด์อื่นๆ ภายในเซิฟเวอร์จะสามารถโจมตีเราและบอสไปพร้อมๆกันได้8 กิลด์ที่ทำดาเมจใส่บอสจะได้รับรางวัลไอเทม และยังมีรางวัลในการเข้าร่วมแม้ไม่ติดอันดับอีกด้วยLuck Spirit Jade (ไข่สุ่ม Pet จะต้องประมูลกันหลังจากกิจกรรมจบ)ตั๋วอัญเชิญสัตว์เลี้ยงGuild Expendition Order (ใช้ในการเปิด Guild Expendition)Contribution (ใช้ในการซื้อของจากร้านค้ากิลด์และอัปสกิลกิลด์)กองทุนกิลด์ (ใช้สำหรับการอัปเกรดอาคารกิลด์ โดยหัวหน้ากิลด์จะเป็นคนอัป)Guild Partyเวลาเริ่มกิจกรรม: ทุกวัน เวลา 18.00 - 18.30 น.กิจกรรมช่วยกันทำอาหารโดยการหยิบวัตถุดิบเข้าหม้อที่อยู่ตรงกลางของค่ายกิลด์เป็นกิจกรรมชิลๆ ใช้เวลาไม่นาน (กรณีกิลด์คนเยอะ) และได้รับของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ Pet Treasure Map (สุ่มได้จากการโยนวัตถุดิบลงหม้อ)Contributionกองทุนกิลด์ เควสต์กิลด์เวลาเริ่มกิจกรรม: มีให้ทำทุกวัน โดยจะมีระยะเวลาก่อนรีเซ็ตเควสตอน 4.00 น. (ตี 4)ส่งมอบไอเทมที่ได้จากการลงดันเจี้ยนต่างๆ และคุยกับ NPC เพื่อรับของรางวัล ใน 1 วันจะสามารถส่งได้ทั้งหมด 8 เควส และสามารถรับของรางวัลได้เลยหากเสร็จเควสเป็นจำนวน 5 เควสแนะนำให้ทำให้ครบทั้งหมด เพราะว่าการกดรับของรางวัลตอน 5 เควสจะถือว่ายืนยันรอบส่งในวันนั้นไปแล้ว และจะไม่ได้สามารถรับของรางวัลเควสที่ 6-8 ได้Contributionกองทุนกิลด์ Guild Expendition OrderGoldGuild Expenditionเวลาเริ่มกิจกรรม: ขึ้นอยู่กับการตกลงภายในแต่ละกิลด์ ใน 1 สัปดาห์สามารถเปิดให้เล่นได้ 5 ครั้งกิจกรรมที่อาศัยความร่วมมือของคนภายในกิลด์ โดยจะเป็นการเปิดบอสในแผนที่ส่วนตัว ไม่ต้องไปแย่งกันตีเหมือนกิจกรรมบอสกิลด์ ในการเปิด Guilde Expendition จะใช้แต้ม Guild Expendition Order ซึ่งหาได้จากกิจกรรมกิลด์ต่างๆ ดังนั้นในทุกๆ วันสมาชิกทุกคนจะต้องทำกิจกรรมกิลด์ให้ครบเพื่อที่ผู้ดูแลกิลด์จะสามารถเปิดกิจกรรมนี้ให้เล่นครบ 5 รอบได้ กิจกรรมนี้ได้ของรางวัลที่คุ้มค่าและช่วยในการอัปเกรดตัวละครของเราแบบก้าวกระโดด ดังนั้นไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ด้วยประการทั้งปวงContributionกองทุนกิลด์ ประชันแต้มกิลด์เวลาเริ่มกิจกรรม พุธและอาทิตย์ เวลา 19.30 น.กิจกรรม Guild vs Guild จะเป็นการ PvP ระหว่างกิลด์โดยเป้าหมายคือการลด HPของฐานอีกฝ่ายให้มากที่สุด ผู้ที่ชนะจะได้รับของรางวัลที่มากกว่าContributionกองทุนกิลด์ Glazed Amber กิจกรรมที่ควรเข้าร่วมและไม่ควรพลาดได้แก่ Guild Expendition, ประชันแต้มกิลด์และเควสกิลด์ เพราะได้รับของรางวัลเป็นจำนวนมาก รางวัล ในหน้านี้จะเป็นหน้ารวมสิ่งที่เราจะได้รับจากกิลด์ โดยมีอยู่ด้วยกัน 3 หัวข้อ ซึ่งการร่วมกิจกรรมกิลด์จะได้รับแต้มที่มชื่อว่า Contribution ซึ่งเราสามารถใช้จ่ายได้ภายในร้านค้ากิลด์และสกิลกิลด์ และ 2 อย่างนี้จะทำให้ตัวละครของเราสามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดดได้หากกิลด์ที่อยู่นั้นมีความ Active และให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมกันเป็นอย่างดี สำหรับรายละเอียดของแต่ละหัวข้อมีดังต่อไปนี้ ชื่อกิจกรรมรายละเอียดร้านค้ากิลด์ร้านค้ากิลด์คือพระเอกที่จะทำให้ตัวละครของเราแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากภายในร้านนั้นมีไอเทมที่ทำให้ตัวละครเราพัฒนาให้แลก ซึ่งนั่นคือ Random Dragon Jewel หรือกล่องสุ่ม Jewel อีกอย่างที่สามารถแลกได้คือตั๋วอัญเชิญสัตว์เลี้ยง แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะค่อนข้างใช้ดวงใน 1 สัปดาห์ถ้ากิลด์ที่มีความ Active มากๆ มีโอกาสได้รับ Random Dragon Jewel ประมาณ 30-40 กล่องกันแบบฟรีๆ ในกรณีที่สามารถฆ่าบอสใน Guild Expendition ได้หลายตัวGuild Chestทุกสัปดาห์หากมีแต้มกิจกรรมเพียงพอ หัวหน้ากิลด์จะสามารถส่ง Glazed Amber Chest (L) ที่จะเป็นกล่องสุ่มมอบจำนวน Glazed Amber ให้กับสมาชิกทุกคนภายในกิลด์ให้มากดรับนอกจากนี้ทุกคนภายในกิลด์ยังสามารถแบ่งกล่องนี้จากการทำเควสต์รายวันหรือการเติมเงินครั้งแรกของวันอีกด้วย นัดแนะเรื่องการส่งมอบกล่องกันดีๆ จะได้ได้กันครบทุกคนเพราะว่าใน 1 วันเราจะสามารถรับ Glazed Amber จากกิลด์ได้สูงสุด 100 อันเท่านั้นสกิลกิลด์เมื่อหัวกิลด์ทำการอัปเกรดฐานกิลด์ที่มีชื่อว่าถ้ำมังกรจะปลดล็อคสกิลกิลด์ให้ทุกคนในกิลด์ได้อัป โดยสเตตัสที่ได้รับจะมี ATK, DEF และ HP ยิ่งเลเวลของถ้ำมังกรสูงเลเวลของสกิลกิลด์ก็จะยิ่งปลดล็อคสูงและได้ค่าสเตตัสที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยสมาชิกทุกคนในกิลด์สามารถอัปเกรดได้จากการใช้แต้ม Contribution สรุป กิลด์นั้นเป็นแหล่งที่ทำให้เราได้รับ Dragon Jewel มาแบบไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก ไม่ต้องฟาร์ม Mini Boss ทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นการที่มีกิลด์ Active ในกิจกรรมกิลด์จึงทำให้หลายๆ คนที่อยู่ในกิลด์ระดับสูงสามารถอัปเกรดตัวละครได้อย่างรวดเร็ว พยายามมองหากิลด์ที่อยู่อันดับกลางๆ ค่อนไปทางสูงในเซิฟเวอร์นั้นๆ เพื่อจะได้ไม่เสียสิทธิ์ในส่วนนี้กันด้วยล่ะ จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

ถ้าจะให้พูดถึงอาชีพ ( Class ) ของ Dragon Nest 2: Evolution ก็ต้องบอกว่ามีความหลากหลายมาก นอกจากอาชีพที่เลือกเล่นได้เยอะแล้ว ยังมีในส่วนของธาตุที่ทำให้รูปแบบของสกิลนั้นมีความแตกต่างออกไป แน่นอนว่าสำหรับผู้เล่นอย่างเราๆ การมองหาสายที่เก่งจะช่วยให้เราสามารถเล่นในง่าย และหาปาร์ตี้ภายในเกมได้สบายมากขึ้น ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าผู้เล่นในเกมตอนนี้แต่ละอาชีพนิยมเล่นสายอะไรกันบ้าง ธาตุทั้งหมดของแต่ละ Class ในแต่ละสายอาชีพจะมีธาตุที่ใช้แล้วจะได้พลังออกมาที่แตกต่างกัน ซึ่งใน 1 คลาสจะมีให้เลือก 2 ธาตุ ให้เลือกใช้ บางอาชีพก็สามารถเลือกเล่นได้ทั้งสองสายว่าอยากจะไปในแนวทางไหน แต่บางอาชีพอีกธาตุก็อาจจะเก่งกว่ามากๆ ทำให้ธาตุนั้นเป็นที่นิยมในหมู่ของคลาสนั้นไปเลยก็ได้เช่นกัน โดยในแต่ละฝั่งของแต่ละคลาสจะใช้ธาตุนิยมกันดังนี้ Warrior SwordmasterGladiator แม้ว่า Gladitor จะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับ Moonlord แต่ผู้เล่นที่เลือกเล่นสายอาชีพนี้จะเลือกใช้งานธาตุ ไฟ ด้วยสาเหตุของการทำดาเมจที่สูงจากสแต็ค Fire Will ทำให้มีประโยชน์ในการลงดันเจี้ยนต่างๆ มากกว่าธาตุแสงที่จะเน้นการโจมตีที่รวดเร็วและสกิลในการเอาตัวรอดMoonlordหนึ่งในอาชีพยอดนิยมประจำเกม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Moonlord แทบจะทุกคนต่างเล่นธาตุ มืด เพราะเรื่องของการทำดาเมจล้วนๆ แถมยังได้เปรียบกว่าธาตุน้ำในเรื่องของระยะการโจมตีที่มากกว่าเยอะมากๆ จึงทำให้สามารถใช้งานได้ในทุกคอนเท้นท์ของเกม ไม่ว่าจะเป็น PvP หรือ PvEMercernaryBarbarianสำหรับ Barbarian สายอาชีพที๋โดดเด่นในด้านของ PvP จะเลือกใช้งานธาตุ ไฟ กันทั้งหมด เนื่องจากการปรับรูปแบบสกิลของธาตุไฟนั้นจะเพิ่มพลังโจมตีของสกิล ทำให้หวังผลในการฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้าหากต้องการจะเล่นแทงค์ในบางกรณี การเลือกใช้อีกธาตุอย่างแสงนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยคุ้มอยู่ดี เพราะสกิล Provoke ที่เพิ่มผลเข้ามานั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่นักDestroyerDestroyer ที่นิยมและแทบจะเล่นกันแบบ 100% เลยคือธาตุ มืด แม้ว่าสเตตัสของธาตุนี้จะต้องเน้นค่า INT แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความสามารถของสกิลรวมไปถึงดาเมจนั้นธาตุมืดสามารถทำได้ดีกว่าธาตุน้ำทั้งหมด เนื่องจากการเพิ่มความสามารถของธาตุน้ำนั้นแทบจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลย จึงทำให้มืดเป็นตัวเลือกที่ผู้เล่นเลือกกันอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ธาตุน้ำนั้นแม้ว่าจะมีจุดเด่นในส่วนของบัฟลด HP ของตัวเอง 85% พร้อมกับได้รับโล่และดาเมจเพิ่มขึ้น 10% ในสถานการณ์จริงก็ไม่ได้ทำให้กลายเป็นจุดเด่นขนาดนั้น กลับกันยังทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ลำบากมากยิ่งขึ้นอีก Archer BowmasterSniperสำหรับผู้เล่นที่มีกำลังทรัพย์หนาจะเลือกเล่น Sniper แสง ด้วยความสามารถในการ Knockback เพิ่มเติมทำให้สามารถเล่นได้ทั้งคอนเท้นท์ PvE และ PvP ซึ่งอันดับสูงๆ ของเซิฟเวอร์จะเลือกเล่นธาตุแสงกันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้เล่นที่ต้องการดาเมจที่แรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ไฟ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ได้แย่ แต่ดาเมจที่ทำเพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้เยอะมากขนาดนั้น และนี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่หลายๆ คนเลือกเล่นธาตุแสงโดยลดดาเมจที่ทำได้ลงมาเล็กน้อยแต่ได้รับผลสกิลเพิ่มเติมเพื่อรูปแบบในการเล่นที่มากขึ้นArtilleryอีกหนึ่งตัวทำดาเมจระดับต้นๆ ของเกม Artillery แทบทุกคนจะเลือกใช้ธาตุ น้ำ ที่สามารถสร้างดาเมจได้มากกว่าธาตุมืดกว่าเยอะมากๆ โดยแลกมากับรูปแบบการเล่นที่ต้องเลี้ยงสแต็กการโจมตีเข้ามาแต่ได้ดาเมจที่เยอะกว่าอีกธาตุในระดับหลักล้าน เป็นอีกสายที่ผู้เล่นสายเติมน้อยหรือสายฟรีเลือกเล่นกันมาก แม้ว่าจะมีของน้อยแต่ก็สร้างดาเมจได้อย่างรุนแรงRangerTempestในด้านการลงดันเจี้ยน Tempest มืด เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดด้วยความสามารถในการทำดาเมจที่มากกว่าธาตุน้ำแบบก้าวกระโดดและยังเล่นง่ายกว่าธาตุน้ำอีกด้วยWind Walkerเป็นสายอาชีพที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดภายในเกม โดยส่วนใหญ่นั้นไม่ว่าจะเลือกเล่นธาตุอะไรก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากในเรื่องของดาเมจ รวมถึงการลงด่านทั้ง PvE และ PvP ถ้าใจรักจริงๆ ที่พอจะมีคนเล่นบ้างจะเป็นธาตุ ไฟที่พอจะสามารถทำดาเมจได้ดีกว่าธาตุแสงอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมจนกว่าจะมีการปรับบาลานซ์ของ Wind Walker ทางเราไม่แนะนำให้เลือกเล่นเป็นตัวละครหลัก Cleric SageGuardianน้ำ เป็นตัวเลือกแรกอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากความสามารถในการแทงค์และเอาตัวรอดของ Guardian นั้นสูงมากอยู่แล้ว การเลือกใช้งานธาตุน้ำเพื่อทำให้ตัวละครมีดาเมจเพิ่มขึ้นจึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากภายในเกมยังมีคอนเท้นท์ที่ต้องลงแบบ Solo การทำตัวละครแบบถึกจนไม่มีดาเมจจึงไม่ใช่ทางเลือกที่แนะนำCrusaderมืดเป็นสายยอดนิยมมากที่สุดสำหรับ Crusader โดยมีสาเหตุทั้งหมด 2 อย่างด้วยกันได้แก่ สกิลของธาตุมืดนั้นเอื้อกับสเตตัสค่า STR และการที่ทำของ STR มาจะทำให้ Crusader มีโอกาสติด Critical ที่สูงและสามารถทำดาเมจได้ไม่แพ้สายอาชีพ DPS อื่นๆ ภายในเกม อย่างถัดมาคือบัฟ Miraculous Light:Power ของธาตุมืดนั้นยังมีการเพิ่มค่าสเตตัส STR และพลังโจมตีกายภาพอีก 10% ทำให้เป็นสายที่เล่นง่ายกว่าไฟที่บัฟไม่ดีเท่า รวมถึงยังต้องมีการเก็บสแต็กธาตุไฟเพื่อให้มีความรุนแรงอีกPriestSaintน้ำ เหมาะแก่คอนเท้นท์ทุกประเภท เนื่องจาก Saint น้ำนั้นมีความสามารถในการลดเกราะศัตรูและยังมีสกิลผ่าเสาที่รุนแรงกว่าธาตุแสง แต่จะเสียเปรียบในส่วนของสกิลคูลดาวน์ที่ค่อนข้างนาน ทำให้ธาตุน้ำนั้นจะต้องอาศัยคนเล่นที่เข้าใจในตัวเกมและอ่านสถานการณ์ของปาร์ตี้ให้ได้ว่าต้องการฮีลหรือไม่ เพราะการใช้ฮีล 1 ครั้งแบบผิดๆ อาจทำให้การลงดันเจี้ยนยากขึ้นเป็นเท่าตัวจากการรอคูลดาวน์ของสกิลInquisitorมืดแม้ว่าจะมีคูลดาวน์สกิลที่ค่อนข้างนาน แต่แลกมากับดาเมจที่ทำได้เยอะกว่ามาก แถมวิธีการเล่นไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องคอยเก็บสแต็กก็ทำดาเมจได้รุนแรงทำให้ Inquisor เลือกเล่นธาตุนี้กันหมด Sorceress ElementalistFiredancerธาตุ ไฟ ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจาก Passive Skill ที่เพิ่มโอกาสในการติด Critical ที่สูงอยู่แล้วทำให้ธาตุไฟที่ใช้ค่า AGI ในการทำดาเมจเพิ่มเติมนั้นได้รับความนิยมจากการที่ค่า AGI จะได้ผลของ Critical Damage เพิ่มเข้ามาด้วยเลยกลายเป็นสายที่สามารถทำดาเมจได้อย่างรุนแรงและต่อเนื่องกว่าธาตุแสงIce WitchIce Witch นั้นต้องเล่นธาตุมืดเพียงเท่านั้นด้วยสาเหตุที่ธาตุน้ำไม่สามารถทำดาเมจได้รุนแรงเท่า แม้ว่าจะมีความสามารถในการลดคูลดาวน์ของสกิลอัลติเมทของตัวเองลงทำให้ใช้ได้บ่อยมากขึ้นแต่ดาเมจก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าธาตุมืดเลยแม้แต่น้อยForce UserWar Mageสายอาชีพที่โดดเด่นในการซัพพอร์ตในด้านของการลดคูลดาวน์สกิลให้กับปาร์ตี้ ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้จะต้องเป็น War Mage ธาตุ แสงเท่านั้น ทำให้ผู้เล่นส่วนมากที่เลือกเล่นอาชีพนี้เลือกเล่นกันเป็นจำนวนมาก กลับกันกับอีกธาตุที่จะไม่สามารถซัพพอร์ตเพื่อนได้เลย แถมดาเมจก็ไม่ได้แรงจึงค่อนข้างได้รับความนิยมที่น้อยกว่าChaos MageChaois Mage ธาตุ มืด สามารถทำ DPS ได้ต่อเนื่องกว่าธาตุน้ำ ทำให้คอนเท้นท์ PvE จะมีภาษีดีกว่า ในส่วนของคอนเท้นท์ PvP แม้ว่าธาตุน้ำจะพริ้วและเน้น Burst ให้หายแต่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างกว่าธาตุมืดมากนัก ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสำหรับธาตุที่แนะนำและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ดังนั้นสำหรับผู้เล่นที่กำลังต้องการเลือกเล่นธาตุสำหรับอาชีพไหนทางเราก็ขอแนะนำให้อิงจากข้อมูลในส่วนนี้ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้เล่นภายในเกม รวมถึงผู้เล่นระดับสูงที่ติดอันดับว่าแต่ะละคนเลือกใช้งานธาตุอะไร พยายามเลือกธาตุให้ได้ตามนี้จะสามารถเล่นได้อย่างสนุกและง่ายต่อการหาปาร์ตี้มากยิ่งขึ้น จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

Tower of Promotion 1 ในโหมดหาสเตตัสของ Dragon Nest 2: Evolution ต่อสู้กับบอสแบบตัวต่อตัว 3 เวฟ เพื่อรับสเตตัสมาอัปถาวรแบบฟรีๆ แถมยังมีให้ได้ลงกันถึง 50 ชั้นเลยทีเดียว สายเอนเกมไม่ควรพลาดสเตตัสฟรีรอให้ไปเก็บอยู่! Tower of Promotion เรียกกันสั้นๆ ว่า “หอคอย” เป็นโหมดที่จะเปิดให้เข้าเล่นได้ตอนเลเวลของตัวละครถึงเลเวล 60 โดยใน 1 ชั้นจะมีบอสมาให้สู้แบบสุ่มตัวทั้งหมด 3 เวฟ และจะมีเงื่อนไขพิเศษเฉพาะของด่านเพิ่มเข้ามาด้วยให้ท้าทายยิ่งขึ้น ซึ่งในโหมดนี้หากสู้ชนะก็จะได้รับพอยต์สำหรับอัปสเตตัสมา 1 แต้ม สำหรับหอคอยแต่ละชั้นแนะนำให้ลงให้ครบอย่างละ 7 รอบ เพื่อให้ได้พอยต์มาอัปสเตตัสให้ครบทุกค่าก่อนที่จะไปชั้นต่อไป ยิ่งเลเวลสูงสเตตัสที่ได้จะยิ่งเยอะขึ้น และที่ให้ลงให้ครบ 7 ครั้งก่อน เพราะการอัปแต่ละค่าจะติดแน่นอน 100% ถ้าลงชั้นเดิมแล้วอัปค่าเก่าโอกาสอัปสเตตัสติดจะน้อยลงเช่น ลงชั้นที่ 1 อัปค่า ATK เป็นเลเวล 1 จะอัปติด 100% | ครั้งต่อไปลงชั้นที่ 1 อีกแล้วต้องการอัป ATK เป็นเลเวล 2 จะมีโอกาสติดเหลือ 50%  | ครั้งต่อไปลงชั้นที่ 1 อีกรอบแล้วยังอัป ATK อีก กรณีอัปได้เป็นเลเวล 2 แล้ว จะอัปขึ้นเลเวล 3 จะเหลือเพียง 25% เท่านั้นนั่นเอง บอสที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ควรเจอ อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้นว่าบอสที่เจอในแต่ละเวฟจะสุ่มมาทั้งหมด (ยกเว้นบอสจาก Lair และ Sea dragon) และสามารถเจอสุ่มซ้ำตัวเดิมในเวฟอื่นได้ด้วย แต่ก็จะมีบอสบางตัวที่จะเป็นปัญหาใหญ่ของในบางอาชีพอยู่ เพราะเวลาเจออาจจะไม่ค่อยรอดหรือเสียเวลาสู้ค่อนข้างนาน ซึ่งบอสที่ควรเลี่ยงจะมีอยู่ 4 ตัวหลักๆ Armed Elfin ก๊อบลินเกราะดำที่จะชอบโจมตีแบบวาร์ปไปวาร์ปมาอยู่ตลอดเวลา แถมยังเป็นตัวที่ค่อนข้างหน้าปวดหัวอยู่ในระดับนึงด้วย ไม่พอตีแรงแล้วยังถึกอีกถ้าเจอก็กดยอมแพ้แล้วรีทิ้งให้ไว Canyon Hunter นากาเป็นตัวที่มีพิษรุนแรงมากเพราะพิษทำดาเมจใส่จะลดเลือดแบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เลยไม่มีกับการโจมตีของตัวอื่นๆ ยิ่งในระดับสูงๆ ยิ่งโดนแรงมากๆ Apocalypse แม้จะอยู่นิ่งๆ กับที่ไม่ขยับแต่ก็อย่าเผลอเด็ดขาดเพราะบอสมีสกิลทำให้พื้นกลายเป็นวงไฟฟ้าที่จะอยู่แบบถาวรตลอดไป โดนเจ็บไม่ว่ายังโดนถี่ต่อเนื่องอีกอย่าได้คิดไปเฉียดใกล้จะดีที่สุด Crocodile Vanguard Kraxin พี่เข้จอมเจ้าปัญหาถ้าอื่นอาจจะไม่มีปัญหามากแต่ถ้าโดนพื้นไฟเข้าไปมีร้องแน่นอน เพราะนอกจากไฟจะเผาแรงมากๆ แล้วยังโดนสแตคลดเกราะเรื่อยๆ อีก ถ้าโดนลดเกราะถึง 10 เผลอเหยียบโดนไฟแค่ปลายนิ้วโป้งเลือดก็พร้อมไหลยิ่งกว่าน้ำซะอีกนะ! หากเจอ 1 ใน 4 ตัวนี้อยู่ห้องแรกแนะนำให้กดรูปประตูเพื่อยอมแพ้แล้วกดลงใหม่เพื่อรีบอสจะดีที่สุด แต่ถ้าหากดันไปเจอในเวฟ 3 แล้วอาจจะต้องอดทนวิ่งดีกับมันแล้วนะ รอบพิเศษ นอกจากการลงแบบ 3 เวฟปกติแล้วเพื่อนๆ อาจจะได้เจอเข้ากับรอบพิเศษด้วยนะ ซึ่งในรอบพิเศษจะเป็นสุ่ม Lair มา 1 ด่านให้ลงเล่น แต่บอสที่เจอจะไม่ได้โหดเท่าแบบปกติมากและมีบางตัวที่ลดจำนวนเฟสการสู้ลงด้วย หากสามารถผ่านรอบพิเศษมาได้ก็จะได้พอยต์สำหรับอัปสเตตัสเพิ่มอีก 3 แต้มรวมเป็น 4 แต้มเลยนะ เป็นการลดจำนวนในการลงชั้นเดิมได้ฟรีๆ เลย 4 รอบ ภาวนาให้สุ่มเจอบ่อยๆ หอคอยจะไหลเร็วมาก จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

ใน Dragon Nest 2: Evolution การลง Forbidden Land ผู้เล่นจะ มีโอกาสได้รับ Fashion กันแบบฟรีๆ ถึงแม้ว่าตัวแฟชั่นที่ดรอปมาจะมีค่าสเน่ห์ที่น้อย แต่ถ้าพูดถึงความสวยงามแล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นชุดที่มีความสวยงามในระดับต้นๆ กันเลยทีเดียว แน่นอนว่าโอกาสการได้รับก็ค่อนข้างยากจึงทำให้หลายๆ คนมองหาด่านที่จบง่ายและไวที่สุดในการฟาร์มแฟชั่น และในบทความนี้เราได้ทำการรวบรวมรายชื่อด่านแนะนำที่จบไวและง่ายมาให้แล้ว ส่วนจะมีด่านอะไรกันบ้างไปดูกันเลย รวมรายชื่อ Fashion และด่านที่ควรฟาร์ม ในด่านแต่ละบทจะมีอยู่ 1 หรือ 2 ด่านที่เพื่อนๆ สามารถเข้าไปฟาร์มได้ง่าย มีทั้งแบบเจอหน้าบอสตีกันได้เลย หรืออาจจะมีเงื่อนไขนิดหน่อยอย่างต้องข้ามสะพานก่อน, ต้องวิ่งตีให้ครบทุกจุดอะไรแบบนี้ ซึ่งแต่ละด่านที่เลือกมาให้การันตีว่าเจอง่ายที่สุด ผ่านง่ายที่สุด! ไอเทมด่านที่แนะนำคำแนะนำเพิ่มเติม1-4วิ่งไหลตามมอนไปเรื่อยๆ จนสุดทางตรงน้ำพุ2-7เดินนิดเดียวถึงบอสเลย3-43-8จะเสียเวลารอคัทซีนนิดนึงตอนเจอบอส แต่ถ้าเทียบกับด่านอื่นๆ แล้วถือว่าจบไวและง่ายที่สุด4-4ชิ้นยอดนิยมที่ทุกคนตามหากัน ซึ่งด่านนี้เดินนิดเดียวจะได้สู้กับบอสเลยแบบเห็นเด่นชัด5-8เดินข้ามสะพานยาวนิดหน่อย ให้ตีเสาไฟเพื่อลบเกราะบอสแล้วตีได้เลย6-4จะเสียเวลารอคัทซีนนิดนึงตอนเจอบอส แต่ถือว่าจบไวที่สุดแล้ว7-8เดินนิดเดียวจะได้สู้กับบอสเลย8-4จะเสียเวลารอคัทซีนนิดนึงตอนเจอบอส แต่ถ้าเทียบกับด่านอื่นๆ แล้วถือว่าจบไวและง่ายที่สุด9-2เป็นด่านที่จะต้องปกป้องคริสตัล 2 อัน ให้รอเกิดแล้วกำจัดทิ้งให้หมด เงื่อนไขดูวุ่นวายน้อยที่สุดจากด่านในบท 9 ทั้งหมดแล้ว10-4เปิดมาเจอบอสเลยแต่ต้องระวังลาวา และพื้นไฟที่พื้นเพราะค่อนข้างแรง แถมโดนต่อเนื่อง11-4เดินข้ามสะพานมานิดเดียวจะได้สู้กับบอสเลยทั้งหมดนี้คือรายชื่อแฟชั่นที่ดรอปจาก Forbidden Land พร้อมกับด่านที่แนะนำในการลงฟาร์ม โดยปัจจัยและสาเหตุที่แนะนำด่านเหล่านี้เพราะเป็นด่านที่สั้น ไม่ซับซ้อน และจบได้ไวสามารถทำเวลาต่อรอบได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นใครที่กำลังมองหาช่องทางในการฟาร์มแฟชั่นน่าจะพอมีด่านที่อยู่ในใจและสามารถไปฟาร์มกันอย่างเมามันส์ได้เลย! ประโยชน์อื่นๆ สำหรับการฟาร์มด่าน Forbidden Land นอกจากจะมีโอกาสได้รับแฟชั่นฟรีแล้ว เรายังได้รับอุปกรณ์สวมใส่มาย่อย Blood Crystal เพื่อนำไปคราฟเป็นยาฟื้นฟู HP ได้ ถ้าเราฟาร์มบ่อยๆ บอกเลยว่าปัญหาขาดแคลน Blood Crystal จะหมดไปเลยล่ะ จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

การเพิ่มค่าพลังโจมตีธาตุภายในเกม Dragon Nest 2: Evolution จำเป็นที่จะต้องใส่ Velskud ลงไปในกระดานของระบบ Dragon Rune โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำการจัดรูนสำหรับมือใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดกัน หากพร้อมแล้วก็มาดูได้เลย! Table of contentsระบบ Dragon Rune คืออะไร ?แนวทางการใส่รูนแบบที่ 1 คะแนนสะสมธาตุน้อย แต่ธาตุครบแบบที่ 2 คะแนนสะสมธาตุเยอะ แต่ธาตุไม่ครบสรุปจัดแบบไหนดี ? ระบบ Dragon Rune คืออะไร ? Dragon Rune คือระบบช่วยเพิ่มตัวคูณดาเมจธาตุต่างๆ และเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวละครจากการใส่ไอเทมชื่อว่า "Velskud" หรือแท่ง Tertis ลงไปใน Stone Tablet ตามช่องที่กำหนด โดยเจ้า Velskud แต่ละชิ้นก็จะมีธาตุแตกต่างกันออกไปในแต่ละชิ้น หากมีคะแนนสะสมจากใส่ Velskud ลงไปใน Stone Tablet ครบตามที่กำหนดก็ได้รับค่าสถานะตัวละครเป็นโบนัส โดยค่าสถานะที่จะได้เป็นโบนัสจะมีทั้งหมดดังนี้ คะแนนโบนัสที่ได้6ATK +5Physique +59ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +5%12ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +5%15ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +10%23ATK +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%38ATK +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%48ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%72ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%81ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%90ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%111Critical Hit +20Final DMG +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%120Critical Hit +20Final DMG +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%129Critical Hit +30Final DMG +30Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%150Critical Hit +40Final DMG +40Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%159Critical Hit +50Final DMG +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%168Critical Hit +70Final DMG +70Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%213Critical Hit +80Final DMG +80Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%399Critical Hit +90Final DMG +90Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%585Critical Hit +100Final DMG +100Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%708Critical Hit +100Final DMG +100Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%831Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%954Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%1077Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%1200Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +100% แนวทางการใส่รูน แบบที่ 1 คะแนนสะสมธาตุน้อย แต่ธาตุครบ วิธีนี้จะเป็นการเอาคะแนนโบนัสที่ 213 เป็นฐาน ซึ่งจะได้โบนัสธาตุทั้งหมด 800% ดังนั้นแล้วธาตุ 1 เม็ด จะได้ค่าพลังโจมตีธาตุ 96 โดยการจัดในแบบนี้เราจะจัดให้จำนวนเม็ดธาตุให้ได้เยอะที่สุด ซึ่งจะสามารถจัดได้สูงสุด 17 เม็ด ส่วนของวิธีการใส่รูนในแบบนี้ จะใส่ประเภทกับจำนวนดังนี้ 3 ช่องตัว L ได้ธาตุต้องการ 3 ชิ้น = 6 เม็ด 3 ช่องตัว I ได้ธาตุต้องการ 5 ชิ้น = 10 เม็ด 1 ช่อง ได้ธาตุต้องการ 1 อัน = 1 เม็ด หากใส่ครบ 25 ช่องแล้วก็จะได้ค่าพลังโจมตีธาตุถึง 1,632 แบบที่ 2 คะแนนสะสมธาตุเยอะ แต่ธาตุไม่ครบ วิธีการจัดแบบนี้จะเป็นการจัดเผื่ออนาคต โดยเราจะไปเน้นการทำโบนัสธาตุเยอะ แล้วไปคาดหวังกับการผสมรูนที่มีแล้ว เพื่อทำให้จำนวนธาตุของเราเพิ่มมากขึ้น ซึ่งวิธีการจัดแบบนี้เราจะให้ได้คะแนนโบนัสได้ 399 ขึ้นไป ดังนั้นเราจะได้โบนัส 850% แล้วเม็ดธาตุ 1 เม็ด จะเท่ากับค่าพลังโจมตีธาตุ 102 สรุปจัดแบบไหนดี ? สำหรับผู้เล่นใหม่แนะนำว่าให้จัดเป็นแบบที่ 1 ก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนไปจัดแบบที่ 2 เมื่อผ่าน Seal Breaker ชั้นสูงๆ ได้แล้ว เพราะว่าการจัดแบบที่ 2 จะใช้เวลาการทำนานมากๆ เนื่องจากว่าต้องทำเม็ดธาตุให้ถึง 17 หรือมากกว่านั้น แต่ถ้าหากทำแบบที่ 2 ไปเลยก็จะถือว่าไม่แย่มากสักเท่าไหร่ เพราะว่าสามารถเอารูนระดับแดงมาใส่เพิ่มแทนให้ธาตุคงไว้ถึง 15 ธาตุจะลดลงมาแค่ 100 แต่ที่ได้มาเพิ่มคืออัตราคริติคอล% และคริติคอลดาเมจ% ทำให้โอกาสตีติดคริบ่อยขึ้นและแรงกว่าเดิมเยอะมากๆ จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

ระบบ Dragon Rune ของเกม Dragon Nest 2: Evolution เป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญที่ทำตัวละครของผู้เล่นเก่งขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดและแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละอาชีพออกมาได้อย่างดี โดยบทความนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับระบบนี้กันว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง หากพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย! ระบบ Dragon Rune คืออะไร ? Dragon Rune คือระบบช่วยเพิ่มตัวคูณดาเมจธาตุต่างๆ และเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวละครจากการใส่ไอเทมชื่อว่า "Velskud" หรือแท่ง Tertis ลงไปใน Stone Tablet ตามช่องที่กำหนด โดยเจ้า Velskud แต่ละชิ้นก็จะมีธาตุแตกต่างกันออกไปในแต่ละชิ้น ซึ่งเราจะต้องเลือกหยิบใส่ให้เหมาะกับสกิลอาชีพของตัวละคร หากมีคะแนนสะสมจากใส่ Velskud ลงไปใน Stone Tablet ครบตามที่กำหนดก็ได้รับค่าสถานะตัวละครเป็นโบนัส โดยค่าสถานะที่จะได้เป็นโบนัสจะมีทั้งหมดดังนี้ คะแนนโบนัสที่ได้6ATK +5Physique +59ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +5%12ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +5%15ATK +10Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +10%23ATK +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%38ATK +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%48ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%72ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%81ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%90ATK +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%111Critical Hit +20Final DMG +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%120Critical Hit +20Final DMG +20Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%129Critical Hit +30Final DMG +30Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%150Critical Hit +40Final DMG +40Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%159Critical Hit +50Final DMG +50Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%168Critical Hit +70Final DMG +70Physique +5โบนัสตัวคูณธาตุ +50%213Critical Hit +80Final DMG +80Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%399Critical Hit +90Final DMG +90Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%585Critical Hit +100Final DMG +100Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%708Critical Hit +100Final DMG +100Physique +10โบนัสตัวคูณธาตุ +50%831Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%954Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%1077Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +50%1200Critical Hit +100Final DMG +100Physique +20โบนัสตัวคูณธาตุ +100% นอกจากนี้เวลาใส่ Velskud ให้จำนวนธาตุใน Stone Tablet ตรงตามเงื่อนไขของสกิลที่กำหนดก็จะได้รับเอฟเฟกต์ของสกิลเพิ่มเติมอีกด้วย คำแนะนำในการเลือกใช้ Velskud ให้เหมาะกับสกิลอาชีพเราควรอ่านภาพรวมของสกิลพิเศษที่เราได้รับหลังใส่ทุกสกิลก่อน ต่อมาให้ดูว่าใช้สกิลไหนบ่อยที่สุดแล้วเราถึงจะเลือกใส่ตามธาตุที่ตัวเองต้องการเล่น ตัวอย่างสกิลธาตุน้ำ Holy Light Blade ของ Sage จะได้โล่น้ำมาตอนใช้สกิลซึ่งเหมาะเวลาไปลงดันเจี้ยนแบบปาร์ตี้ ส่วนสกิลธาตุแสงจะทำให้ระยะเวลาของสกิล Divine Punishment เพิ่มขึ้นทำให้เหมาะเวลาไปลงดันเจี้ยนคนเดียว วิธีการได้รับ Velskud Daily-Login เควสประจำวัน ลงดันเจี้ยน "Sealbreaker" กิจกรรมต่างๆ ภายในเกม การสังเคราะห์คืออะไร ? การสังเคราะห์ Dragon Rune คือการเอา Velskud ระดับเดียวกัน 3 ชิ้นมาผสมเพื่อเลื่อนขั้นเป็นระดับที่สูงกว่า โดย Velskud ระดับที่สูงกว่าจะได้คะแนนสะสมมากกว่า แต่ว่าจำนวนช่องธาตุจะลดลงซึ่งอาจทำให้การเปิดใช้งานเอฟเฟกต์เพิ่มเติมของสกิลไม่ทำงาน หากจะนำ Velskud ที่ใช้อยู่ไปผสมควรต้องระวังในส่วนนี้ด้วย จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

จ้าวยลจันทรา (Dan Heng IL) ตัวละคร Path ทำลายล้าง ธาตุ จินตภาพ ภายในเกม Honkai: Star Rail ที่สามารถใช้แต้มสกิลต่อสู้เพื่อเสริมพลังการโจมตีปกติให้รุนแรงขึ้นได้อย่างมาก จนสามารถฆ่าศัตรูได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการปั้นกันว่าควรจะปั้นยังไงให้ออกมาใช้ได้ดีที่สุด หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย! Table of contentsข้อมูลสกิลตัวละครLight Cone แนะนำเซ็ต Relic แนะนำEidolon ไหนคุ้มสุดทีมแนะนำสรุปการ Build – จ้าวยลจันทรา (Dan Heng IL) ข้อมูลสกิลตัวละคร ชื่อความสามารถBeneficent Lotus - โจมตีปกติBeneficent Lotusปล่อยการโจมตี 2 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 130% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัวTranscendenceปล่อยการโจมตี 3 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 338% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัวDivine Spearเมื่อปล่อยการโจมตี 5 ครั้งจะสร้าง DMG จินตภาพ 494% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว โดยตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะสร้าง DMG จินตภาพ 78% ของ ATK แก่เป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงด้วยFulgurant Leapเมื่อปล่อยการโจมตี 7 ครั้งจะสร้าง DMG จินตภาพ 650% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว โดยตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะสร้าง DMG จินตภาพ 234% ของ ATK แก่เป้าหมายที่อยู่ใกล้เคียงด้วยDracore Libre - สกิลต่อสู้ทำให้การโจมตีปกติ ได้รับการเสริมพลัง โดยสามารถเสริมพลังต่อเนื่องได้สูงสุด 3 ครั้ง การปล่อยสกิลนี้จะไม่ใช้แต้มสกิลต่อสู้ และไม่ถือเป็นการใช้สกิลต่อสู้เสริมพลัง 1 ครั้ง "Beneficent Lotus" จะเปลี่ยนเป็น "Transcendence"เสริมพลัง 2 ครั้ง "Beneficent Lotus" จะเปลี่ยนเป็น "Divine Spear"เสริมพลัง 3 ครั้ง "Beneficent Lotus" จะเปลี่ยนเป็น "Fulgurant Leap"เมื่อปล่อย "Divine Spear" หรือ "Fulgurant Leap" ตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะได้รับ "Outroar" 1 ชั้นก่อนการโจมตีในแต่ละครั้ง ทำให้ DMG คริติคอล เพิ่มขึ้น 15.0% โดยเอฟเฟกต์นี้ สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ชั้น และจะคงอยู่จนกว่าเทิร์นของตัวเองสิ้นสุดAzure's Aqua Ablutes All - ท่าไม้ตายปล่อยการโจมตี 3 ครั้งเพื่อสร้าง DMG จินตภาพ 360% ของ ATK แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว พร้อมทั้งสร้าง DMG จินตภาพ 168% ของ ATK แก่ศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย และทำให้ตัวเองได้รับ "Squama Sacrosancta" 2 อันสามารถมี "Squama Sacrosancta" ได้มากสุด 3 อัน และใช้เพื่อหักลบ แทนการใช้แต้มสกิลต่อสู้ได้ ทั้งนี้การใช้ "Squama Sacrosancta" จะถือเป็นการใช้แต้มสกิลต่อสู้Righteous Heart - พรสวรรค์หลังจากปล่อยการโจมตีในแต่ละครั้ง จะได้รับ "Righteous Heart" 1 ชั้น ซึ่งจะทำให้ตัวเองสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12.5% เอฟเฟกต์นี้สามารถซ้อนทับได้ 6 ชั้น และคงอยู่จนกว่าเทิร์นของตัวเองสิ้นสุดHeaven-Quelling Prismadrakon - เทคนิคหลังจากใช้เทคนิคแล้ว จะเข้าสู่สถานะ "Leaping Dragon" เป็นเวลา 20 วินาที หากใช้การโจมตีขณะอยู่ภายใต้สถานะ "Leaping Dragon" จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในระยะหนึ่ง และโจมตีศัตรูทั้งหมดที่สัมผัส ในระหว่างการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วนี้ ยังต้านทานการโจมตีทั้งหมดของศัตรูได้อีกด้วย เมื่ออยู่ภายใต้สถานะ "Leaping Dragon" และเข้าสู่การต่อสู้โดยเป็นฝ่ายโจมตีศัตรูก่อน จะสร้าง DMG จินตภาพ 120% ของ ATK แก่ศัตรูทั้งหมด และทำให้ตัวเองได้รับ "Squama Sacrosancta" 1 อัน*อ้างอิงจากเลเวลสกิลสูงสุด Light Cone แนะนำ ชื่อความสามารถBrighter Than the Sun (แนะนำมาก)ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18%/21%/24%/27%/30% เมื่อผู้สวมใส่ใช้การโจมตีปกติ จะได้รับ "Dragon's Call" 1 ชั้น เป็นเวลา 2 เทิร์น ซึ่ง "Dragon's Call" แต่ละชั้น จะทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18%/21%/24%/27%/30% และอัตราการฟื้นฟูพลังงานเพิ่มขึ้น 6.0%/7.0%/8.0%/9.0%/10.0% โดย "Dragon's Call" สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 2 ชั้นOn the Fall of an Aeonเมื่อผู้สวมใส่ทำการโจมตี จะทำให้ ATK ในการต่อสู้ครั้งนี้ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8%/10%/12%/14%/16% โดยสามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ชั้น หลังจากผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายแล้ว จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12%/15%/18%/21%/24% เป็นเวลา 2 เทิร์นUnder the Blue Skyทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16%/20%/24%/28%/32% หลังจากที่ผู้สวมใส่กำจัดศัตรูแล้ว อัตราคริติคอลเพิ่มขึ้น 12%/15%/18%/21%/24% เป็นเวลา 3 เทิร์นCollapsing Skyทำให้การโจมตีปกติและสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่ สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 20%/25%/30%/35%/40% Brighter Than the...

Read more

อาชีพภายในเกม Dragon Nest 2: Evolution มีให้เลือกเล่นอยู่มากมายหลายอาชีพด้วยกันเลย แต่หนึ่งในอาชีพที่คนนิยมเล่นกันเนื่องจากความเท่และความแรงของสกิลก็คงหนีไม่พ้น Moonlord นักดาบสายเวท ที่ใช้ดาบฟันออกไปเป็นคลื่นพลังโจมตีศัตรู และเนื่องจากระบบธาตุของสกิล ส่งผลให้อาชีพ Moonlord มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย โดยในบทความนี้เราจะพามาดูกัน ว่าอาชีพนักดาบสุดเท่นี้เล่นสายอะไรดีแล้วมีแนวทางยังไงบ้าง หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย! Table of contentsอาชีพ Moonlord คืออะไร?ข้อดี-ข้อเสียของอาชีพนี้สายการเล่นของอาชีพ Moonlordสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับอาชีพ Moonlord อาชีพ Moonlord คืออะไร? อาชีพ Moonlord เป็นอาชีพที่แบ่งแย่งออกมาจาก Swordmaster โดยหากอธิบายง่ายๆ อาชีพนี้คือนักดาบสายเวทที่เต็มไปด้วยสกิลโจมตีระยะไกลที่สามารถทำดาเมจเป็นวงกว้างใส่เป้าหมายเป็นกลุ่มได้ดี มีการโจมตีที่ต่อเนื่อง และเนื่องจากเป็นนักดาบเวททำให้อาชีพนี้สามารถโจมตีได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องเอาตัวเองไปประชิดกับศัตรู เน้นการสร้างความได้เปรียบและดาเมจจากระยะการโจมตีเป็นหลัก ข้อดี-ข้อเสียของอาชีพนี้ สำหรับข้อดีหรือจุดของอาชีพนี้คือมีระยะการโจมตีไกลและโจมตีศัตรูหมู่ได้ดี ทำให้เป็นตัวดาเมจหลักและเป็นอาชีพที่มีประโยชน์ในโหมด PVE หรือลงดันเจี้ยนล่าบอสต่างๆ เนื่องจากสามารถทำดาเมจได้โดยแทบไม่ต้องเสียเลือด แม้ว่าจะมีความสามารถอย่างมากใน PVE แต่ในโหมด PVP อาชีพค่อนข้างมีจุดอ่อนที่เยอะพอสมควร เนื่องจากเป็นสายที่เน้นการทำดาเมจจากระยะไกลและมีบางสกิลที่ต้องเสียเวลาร่ายทำให้ค่อนข้างเสียเปรียบหากโดนศัตรูเข้าประชิดตัวนั่นเอง สายการเล่นของอาชีพ Moonlord ใน Patch ปัจจุบัน สามารถแบ่งสายการเล่นออกมาได้ทั้งหมด 2 สายด้วยกัน คือธาตุน้ำและธาตุมืด ซึ่งทั้ง 2 สายนี้ก็จะมีแนวทางการเล่นและการ Build ตัวละครที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ธาตุมืด ธาตุมืดนั้นจะมีจุดเด่นที่การโจมตีที่รวดเร็ว และมีคูลดาวน์สกิลที่ไว ทำให้สามารถวนสกิลใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อโจมตีปกติจะปล่อยคลื่นดาบออกไปโจมตีศัตรูในระยะไกล เป็นสายที่เด่นในเรื่องการทำดาเมจจากระยะไกล ไม่ต้องเข้าไปประชิดศัตรู โดยธาตุมืดนั้นจะมีสกิลเฉพาะธาตุนี้ให้ใช้อย่าง Lunar Illusion Triple Slash ที่มีปล่อยการโจมตี 3 ครั้งอย่างรวดเร็วและมีระยะเวลาคูลดาวน์สกิลที่ค่อนข้างเร็ว สกิลที่แนะนำ Moonlight Shard - เป็นสกิลโจมตีที่มีระยะเวลาคูลดาวน์เพียงแค่ 8 วินาที ทำให้สามารถวนสกิลใช้ได้ต่อเนื่อง Whirlwind Slash - เป็นสกิลจำเป็นของอาชีพนี้เนื่องจากสามารถยกศัตรูที่โดนให้ลอยขึ้นไปพร้อมกับพายุและรวบศัตรูไว้เป็นกลุ่มได้ และยังมีคูลดาวน์เพียงแค่ 12 วินาที Moon Blade Dance - สกิลสุดเท่ของอาชีพที่จะขึ้นไปฟันคลื่นพลังใส่ศัตรู มีดาเมจที่แรงและระยะการโจมตีที่ไกล คูลดาวน์ 20 วินาที Eclipse - สกิลของคลาส Swordmaster ที่ไม่ได้เน้นการทำดาเมจเป็นหลัก แต่เมื่อเล่นเป็นธาตุมืดสกิลนี้จะได้ความสามารถเพิ่มเติมคือหลังจากใช้จะบูสต์ความเร็วโจมตีให้กับเราได้ แนวทางสำหรับการหาอุปกรณ์สวมใส่ของธาตุมืดจะเน้นไปที่การเพิ่มค่า Str(พลัง) เป็นหลัก เนื่องจากตัวสกิลธาตุมืดจะแรงมากยิ่งขึ้นหากตัวละครของเรามี Str(พลัง) ที่สูง ซึ่งเราสามารถเพิ่มค่า Str(พลัง) นี้ได้จากการหาอุปกรณ์สวมใส่ส่วนต่างๆ ที่ให้ค่า Str(พลัง) มาใส่ หรือจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เน้นค่าการเติบโตเป็น Str(พลัง) นอกจากนี้การเพิ่มค่า Str(พลัง) จะช่วยเพิ่มค่า Critical Hit ให้กับตัวละครด้วย ธาตุน้ำ ธาตุน้ำจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกับธาตุมืดอย่างชัดเจน โดยตัวของธาตุน้ำนั้นจะเด่นในด้านการทำดาเมจระยะใกล้ การใช้ธาตุน้ำจะช่วยเสริมความแรงการโจมตีปกติให้รุนแรงได้มากยิ่งขึ้น แต่ธาตุนี้จะมีข้อเสียอยู่ที่ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลโดยรวมค่อนข้างนาน และต้องเอาตัวเองเข้าไปประชิดศัตรู ทำให้มีโอกาสสูญเสียเลือดมากกว่าสายระยะไกลอย่างธาตุมืดนั่นเอง โดยธาตุน้ำจะมีสกิลเฉพาะธาตุนี้ให้ใช้อย่าง Slash Stance ที่เป็นการโจมตี 5 ครั้งในท่าขณะชักดาบซึ่งสกิลนี้สามารถทำดาเมจได้รุนแรงมาก แต่ระยะเวลาคูลดาวน์ที่ค่อนข้างนาน สกิลที่แนะนำ Moon Blade Dance - สกิลหากินของ Moonlord มีดาเมจที่แรงและระยะการโจมตีที่ไกล เมื่อเป็นธาตุน้ำจะช่วยเพิ่มความต้านทาน CC ขณะใช้สกิล คูลดาวน์ 20 วินาที Whirlwind Slash - ใช้รวบศัตรูให้อยู่เป็นกลุ่ม เมื่อใช้จะได้ 1 Stack Sword Will และยังมีคูลดาวน์เพียงแค่ 12 วินาที Slash Stance - สกิลดาเมจหากินของธาตุน้ำที่เมื่อใช้สกิลต่างๆ เก็บ Stack จนครบ จะช่วยให้สกิลนี้สามารถสร้างดาเมจได้รุนแรงมากขึ้น คูลดาวน์ 30 วินาที Critical Chop - สกิลของคลาส Swordmaster ที่สามารถทำดาเมจใส่ศัตรูด้านหน้าได้จากระยะไกล เมื่อใช้แล้วจะได้ 2 Stack Sword Will คูลดาวน์ 24 วินาที Crescent Slash - สกิลที่จะฟันคลื่นดาบขนาดใหญ่ไปด้านหน้า เมื่อใช้จะได้ 2 Stack Sword Will แนวทางสำหรับการอุปกรณ์สวมใส่ของธาตุน้ำจะเน้นไปที่ Int เป็นหลัก โดยสกิลของธาตุน้ำจะช่วยเพิ่มดาเมจการโจมตีปกติให้แรงมากยิ่งขึ้นได้ และในสกิลหลักอย่าง Moon Blade Dance เมื่อใช้ธาตุน้ำจะช่วยเพิ่มความต้านทาน CC ด้วย ช่วยในขณะใช้สกิลเราจะไม่โดนขัดนั่นเอง นอกจากนี้การเพิ่มค่า Int จะช่วยเพิ่มค่า Final DMG ให้กับตัวละครด้วย สัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับอาชีพ Moonlord จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถใช้งานสัตว์เลี้ยงได้หลากหลายสาย เนื่องจากสัตว์เลี้ยงที่เน้นค่า Int และ Str(พลัง) มีให้เลือกใช้ค่อนข้างหลายตัวโดยหลักแล้วจะเน้นการใช้สัตว์เลี้ยงที่ให้ค่าการเติบโตของค่าสถานะที่ตรงสายมากกว่าตัวสกิลของสัตว์เลี้ยง แต่ทั้งนี้ถ้าหากได้สัตว์เลี้ยงที่ตรงสายและมีสกิลช่วยทำดาเมจด้วยก็จะยิ่งทำให้อาชีพนี้สามารถบูสต์ดาเมจได้มากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง การเลือกใช้สัตว์เลี้ยงของ Moonlord ธาตุมืด สำหรับธาตุนี้จะต้องเน้นสัตว์เลี้ยงที่ให้ค่า Str(พลัง) เป็นหลัก โดยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานอยู่ 3 ตัวด้วยกัน คือ Typoon Krag Effigy, Apocalypse Effigy และ Light Manticore Effigy Apocalypse Effigy ตัวของ Apocalypse Effigy ถือว่ามีสกิลที่ค่อนข้างดี เพราะสามารถช่วยทำดาเมจได้แถมดีบัฟเป้าหมายที่โดนโจมตีให้โดนดาเมจแรงขึ้นถึง 7.5% นาน 4 วินาที ซึ่งในระยะเวลาตรงนี้จะช่วยบูสต์ดาเมจให้กับเราได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง Light Manticore Effigy สำหรับตัว Light Manticore จะมีสกิลช่วยทำดาเมจและเพิ่มค่า Critical Hit Chance ให้กับเจ้าเข้าได้ถึง 10% โดยรวมถือว่าเป็นตัวที่ค่อนข้างเหมาะกับธาตุมืด เนื่องจากเราเน้นค่า Str(พลัง) ซึ่งจะได้ค่า Critical Hit ทำให้ตัวละครของเราจะมีค่า Base Critical Hit ที่ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว การเพิ่มค่า Critical Hit จากสกิลของ Light Manticore 10% จะสูงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง Typhoon Krag Effigy สัตว์เลี้ยงตัวนี้มีสกิลช่วยทำดาเมจเป็นวงกว้างใส่ศัตรูที่อยู่ด้านหน้า เป็นตัวที่ไม่ได้สกิลโดนมากสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ตรงสายสำหรับธาตุมืดเนื่องจากมีค่าการเติบโตเป็นค่า Str(พลัง) นั่นเอง การเลือกใช้สัตว์เลี้ยงของ Moonlord...

Read more

ใน Dragon Nest 2: Evolution นั้นเราสามารถพัฒนาตัวละครได้หลากหลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีที่จะช่วยเพิ่มพลังให้กับตัวละครของเราได้อย่างมาก คงหนีไม่พ้นการใส่ Dragon Jewel ลงไปในอาวุธและชุดอุปกรณ์นั่นเอง วันนี้เราก็เลยจะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักระบบนี้กันว่ามันมีดียังไง และเพิ่มอะไรให้กับตัวละครของเราได้บ้าง หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย! Table of contentsระบบ Dragon Jewel คืออะไรหาได้จากที่ไหนมีกี่แบบและทำอะไรได้ การอัปเกรด ระบบ Dragon Jewel คืออะไร ระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มความเก่งและเติบโตให้กับตัวละครของเราได้ โดยระบบนี้เป็นการนำอัญมณีฝังใส่อาวุธและอุปกรณ์ของเรา เมื่อฝังเข้าไปแล้วจะช่วยเสริมค่า Status ด้านต่างๆ ตามที่แต่ละชนิดกำหนดไว้ ซึ่งในช่วงต้นเกมนั้นจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง หากต้องการเพิ่มค่าพลังให้กับตัวละคนของเราให้เพิ่มขึ้นอย่างมาก หาได้จากที่ไหน ในตัวเกมปัจจุบันเราสามารถหาได้จากการใช้เพชรซื้อและการเปิดกล่องสุ่ม โดยเราสามารถหากล่องสุ่มได้จากหลายช่องทาง ซึ่งก็จะมีช่องทางในการหาด้วยกันทั้งหมดดังนี้  1.ร้านค้า Glazed Amber Glazed Amber เป็นหน่วยเงินที่สามารถหาได้จากกิจกรรมต่างๆ ภายในเกม ซึ่งในหน้าร้าน Glazed Amber นั้นการเลือกซื้อ Random Dragon Jewel Pack (Lv.1) ถือว่าคุ้มค่าเป็นอันดับต้นๆ เพราะเราจะต้องใช้เป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ Status สูงๆ และพัฒนาตัวละครแบบก้าวกระโดด 2. ส่งสัตว์เลี้ยงไปสำรวจ วิธีการนี้อาจจะต้องพึ่งดวงซักเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลยกับการส่งสัตว์เลี้ยงไปสำรวจในทีมสัตว์เลี้ยงนักผจญภัย โดยเรามีโอกาสได้รับกล่องสุ่มจากตรงนี้เช่นกัน แม้ว่าโอกาสจะต่ำ แต่ก็ถือว่าลุ้นได้พอประมาณนึง 3. ร้านค้ากิลด์ สิทธิพิเศษสำหรับผู้เล่นที่มีกิลด์ ในร้านค้ากิลด์นั้นจะมีกล่องสุ่มวางขายอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องใช้แต้มกิลด์ที่ได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ของกิลด์มาแลกเปลี่ยน 4. ร้านบารมี อีกหนึ่งร้านค้าที่มีกล่องสุ่มให้แลกก็คือร้านบารมี ซึ่งแต้มบารมีนั้นสามารถหาได้จากกิจกรรมต่างๆ ภายในเกม ยกตัวอย่างเช่นกิจกรรม "บอสในอารีน่า" หรือ "ป้อมยุทธวิธี" ซึ่งส่วนมากจะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตีบอสและ PvP 5. กิจกรรมต่างๆ ภายในเกม กิจกรรมหลายๆ อย่างภายในเกมที่มีให้เราเข้าร่วมนั้นหลายๆ กิจกรรมจะมีของรางวัลเป็นกล่องสุ่ม (ส่วนใหญ่มักเป็นกิจกรรมตีบอสหรือ PvP) ซึ่งมีให้เราเลือกเล่นได้หลากหลายมาก พยายามเก็บให้ครบในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับกล่องสุ่มรวมถึงแต้มบารมี เพื่อนำแต้มนั้นมาแลกของต่อในร้านบารมีเช่นกัน 6. กิจกรรมประจำสัปดาห์ กิจกรรมประจำสัปดาห์จะเป็นการที่เราเก็บสะสมแต้มจากกิจกรรมรายวัน เมื่อถึงขั้นที่กำหนด (400 และ 700) ก็จะสามารถเปิดกล่องรางวัลเพื่อรับของภายในนั้นได้ 11.ร้านค้า Diamond วิธีที่ง่ายมากที่สุดหากคุณมีพลังเงินตรา เป็นวิธีการเติบโตที่รวดเร็วและง่ายมากที่สุด ยิ่งตอนช่วงต้นเกมจะรู้สึกถึงพลังได้เลยว่าตัวเองแกร่งกว่าใครเพื่อน แต่ถ้าไม่เหลือใช้จริงๆ บางอย่างในร้านค้า Diamon อย่างตั๋วอัญเชิญสัตว์เลี้ยงก็ยังเป็นอะไรที่ดูดีกว่าเล็กน้อย มีกี่แบบและทำอะไรได้ แน่นอนว่าระบบนี้นั้นไม่ได้มีอยู่แบบเดียว แต่มีมากถึง 7 แบบ โดยแต่ละแบบก็จะแตกต่างในส่วนของ Status และส่วนที่สามารถฝังในอุปกรณ์ ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดก็จะล็อคไว้เลยว่าชิ้นไหนฝังแบบไหนได้บ้าง ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราควรจะใส่ Jewel แบบไหนให้กับอุปกรณ์ เพราะว่ามันล็อคเอาไว้แล้ว ชนิดความสามารถอุปกรณ์ที่ฝังได้Ursa Major+ PowerGale+ AgilityWisdom+ IntelligenceHealth+ PhysiqueLife+ HPAttack+ ATKDefense+ DEF การอัปเกรด อัญมณีแต่ละส่วนสามารถนำมาอัปเกรดเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสของอัญมณีให้มีความแข็งแกร่งขึ้นได้อีก โดยจะมี Level อยู่ด้านหลังชื่อของอัญมณีที่เราสวมใส่ในอุปกรณ์เป็นการบ่งบอกระดับของอัญมณีไปในตัว วิธีการอัปเกรดนั้นสามารถทำได้ง่ายมาก เพียงแค่มีอัญมณีชนิดเดียวกันก็สามารถนำมาอัปเกรดอัญมณีในหน้าต่าง “พัฒนา” และมายังที่แถบ Dragon’s Treasure เพื่อคลิกอัปเกรดได้เลย โดยอัญมณีที่สามารถอัปเกรดได้จะมีจุดสีแดงแจ้งเตือนให้เรามาคลิกก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ เราควรอัปเกรดให้มีระดับเท่ากัน เพราะระบบจะมีสิ่งที่เรียกว่า Dragon’s Treasure Set อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีอัญมณีในจำนวนและ Level ที่ระบบกำหนด เมื่อครบแล้วเราจะได้โบนัส Status เพิ่มเข้ามา ถ้าจะให้พูดกันตามตรง Dragon Jewel เป็นระบบที่ทำความเข้าใจได้ง่าย และเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มค่าพลังของตัวละครให้แข็งแกร่งขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด ดังนั้นอย่ามองข้ามสิ่งนี้เด็ดขาด บริหารจัดการทรัพยากรแต้มร้านค้าต่างๆ ให้ดี และอย่าเผื่อเอาไว้เพื่อนำมาอัปเกรดกันด้วยล่ะ! สำหรับผู้เล่นคนไหนที่สนใจกลุ่มคอมมู สามารถติดตามกลุ่มคอมมูได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more

สัตว์เลี้ยง ภายในเกม Dragon Nest 2: Evolution นั้นมีให้เลือกใช้หลากหลายตัวมาก ซึ่งในสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวจะมีสกิลและการเติบโตของค่าสถานะที่แตกต่างกัน โดยในบทความนี้เราจะพามาดูสัตว์เลี้ยงระดับ A ว่าแต่ละตัวมีความสามารถอย่างไรและเหมาะกับอาชีพอะไรบ้าง หากพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย! Table of contentsสัตว์เลี้ยงช่วยอะไรได้บ้างความสามารถของสัตว์เลี้ยงและอาชีพที่เหมาะสม สัตว์เลี้ยงช่วยอะไรได้บ้าง สำหรับระบบสัตว์เลี้ยงถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เราสามารถนำสัตว์เลี้ยงออกมาต่อสู้ร่วมกันได้ 1 ตัว สัตว์เลี้ยงจะทำหน้าที่ใช้สกิลเพื่อช่วยเหลือเรา โดยสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวก็จะมีสกิลที่แตกต่างกันออกไป บางตัวมีสกิลช่วยโจมตีสร้างความเสียหาย บางตัวมีสกิลช่วยบัฟให้กับตัวละครหลักของเรา นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงยังมีค่าการเติบโตของโบนัสสถานะที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนนี้ค่อนข้างมีสำคัญมากเพราะโบนัสสถานะจะถูกนำไปเพิ่มให้กับตัวละครหลักของเรา ความสามารถของสัตว์เลี้ยงและอาชีพที่เหมาะสม สัตว์เลี้ยงสกิลการเติบโตของ Statอาชีพที่เหมาะสมAngle ElfMystic Word - ร่าย Holy Wordสร้างดาเมจ 130% และเพิ่ม Critical Hitให้เจ้าของขึ้น 6% นาน 8 วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีโดนเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที)Int, Physique(ค่า HP)Moonlord, Crusader, Artillery, Ice Witch, Fire Dancer, Barbarian, War Mage Flower ElfSpreading the Luck - เพิ่ม Weak Control Resistance ให้เจ้าของ 3% นาน 5 วินาที (เปิดใช้เมื่อได้รับดาเมจ คูลดาวน์ 30 วินาที)Int, Physique(ค่า HP)Moonlord, Guardian, Ice WitchElf IrineCourage Blessing - สร้างดาเมจ 123% ใส่บริเวณโดยรอบ และเพิ่มความเร็วโจมตีให้เจ้าของ 10% นาน วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีโดนเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที)Int, Physique(ค่า HP)Moonlord, Sniper, Wind Walker, GladiatorMermaid PrincessMermaid Blessing - เพิ่มพลังโจมตีให้เจ้าของ 6% นาน 10 วินาที (เปิดใช้เมื่อได้รับดาเมจ คูลดาวน์ 30 วินาที Agility, Physique(ค่า HP)Sniper, DestroyerMinotaur Effigyเพิ่มดาเมจสกิลให้พันธมิตรที่อยู่ในระยะ 5% เป็นเวลา 10 วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที)Agility, Physique(ค่า HP)SaintHellhound EffigyFlame Charge - สร้างดาเมจ 130% และ Burn เป็นดาเมจเพิ่มเติมอีก 17.5% ของ Attack Damage+105% Damage สถานะหลักต่อวินาที นาน 5 วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีถูกเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที)Agility, Physique(ค่า HP)Guardian, War MageTyphoon Krag EffigyRabid Pounce - ทำดาเมจใส่ศัตรูที่อยู่ด้านหน้า สร้าง Area Damage 130%(เปิดใช้งานเมื่อสกิลโจมตีถูกเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที) Strenght(พลัง), Physique(ค่า HP)Moonlord, Destroyer, InquisitorApocalypse EffigyBrilliant Beam - ทำดาเมจใส่ศัตรูที่อยู่ด้านหน้า สร้างดาเมจ 130% และทำให้เป้าหมายได้รับดาเมจมากขึ้น 7.5% นาน 4 วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีถูกเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที)Strenght(พลัง), Physique(ค่า HP)Moonlord, Chaos Mage, TempestLight Manticore EffigyBlack Storm - สร้างดาเมจต่อเนื่อง 130% และเพิ่ม Critical Hit Chance ให้เจ้าของ 10% นาน 5 วินาที (เปิดใช้เมื่อสกิลโจมตีถูกเป้าหมาย คูลดาวน์ 30 วินาที) Strenght(พลัง), Physique(ค่า HP)Chaos Mage, Crusader, Barbarian สรุปการเลือกสัตว์เลี้ยงควรต้องดูจากสกิลและโบนัสสถานะของแต่ละตัวประกอบอาชีพที่เราเล่นนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นหากเราเล่นอาชีพที่ต้องการค่า Intelligence เยอะ ก็ควรต้องเลือกใช้สัตว์เลี้ยงตัวที่ได้โบนัสการเติบโตของค่าสถานะเป็น Int แต่ในบางกรณีก็มีข้อยกเว้นเช่น Saint ที่อยากได้สัตว์เลี้ยงช่วยบัฟปาร์ตี้อย่าง Minotaur Effigy เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการ Support นั่นเอง จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นได้ที่: Dragon Nest 2 Evolution Thailand

Read more
Page 6 of 200 1 5 6 7 200