Naraka Bladepoint เทคนิค ต่อจากที่คราวก่อนเราแนะนำในส่วนของ “ตัวละคร” กันไปแล้ว ในคราวนี้ผมจะมาแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาภายในเกมกันต่อเลยแล้วกัน
ซึ่งในคราวนี้ผมจะมาแนะนำเรื่อง “อาวุธระยะประชิด” ว่ามีกี่ชนิด อะไรบ้าง ข้อดีข้อเสียแต่ละอย่าง รวมถึงเทคนิคการเล่นคร่าวๆ ให้แล้วกัน
Naraka Bladepoint เทคนิค การใช้อาวุธประชิด มีกี่แบบ? อะไรบ้าง?
ถ้านับตามปัจจุบันคือในช่วง Final Beta Test นั้นอาวุธระยะประชิดมีทั้งหมดด้วยกันคือ 4 ชนิดได้แก่ ดาบใหญ่ (Greatsword), กระบี่ (Longsword), คาตานะ (Katana) และ หอก (Spear) โดยทางผู้พัฒนาเผยว่าเมื่อตัวเกมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้วจะมีอาวุธใหม่ๆ ตามมาอย่างแน่นอน
ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดจะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป รวมไปถึงพวก หยก (SoulJade) ประจำอาวุธแตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าเรามาเริ่มดูเกี่ยวกับอาวุธแต่ละประเภทกันเลยแล้วกัน
ดาบใหญ่ (Greatsword)
ข้อดี – สำหรับดาบใหญ่นั้นจัดว่าเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงสุดในมวลอาวุธทั้งหมดแล้ว ในการตีแต่ละครั้งจะสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับฝ่ายตรงข้าม แถมยังมีระยะการโจมตีที่ค่อนข้างกว้างสามารถกวาดทีละ 2 – 3 คนได้ หากใครสามารถฝึกอาวุธนี้จนชำนาญก็สามารถไต่ขึ้นไปแชมป์ได้แบบสบายๆ เลย
ข้อเสีย – ขึ้นชื่อว่าดาบใหญ่ต่อให้ไม่ว่าจะมีพลังโจมตีรุนแรงขนาดไหนก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นอาวุธชิ้นก็ต้องแลกมาด้วยการโจมตีที่ช้ามากทีเดียว ไม่ว่าจะการโจมตีปกติ การโจมตีแบบชาร์จ หรือแม้แต่การเคาน์เตอร์เองก็ตามที ทุกท่าทางของอาวุธนี้มักมีจังหวะหน่วงอยู่เสมอ ทำให้การกวัดแกว่งแต่ละทีต้องใช้ความระมัดระวังระดับนึงเลย
Souljade ที่แนะนำ
Earthshaker
เมื่อใส่หยกชิ้นนี้ไว้แล้วทำการชาร์จท่าหมุนโจมตีถึงขั้นที่ 3 ในระหว่างที่กำลังหมุนอยู่ถ้าเรากดโจมตีซํ้าไปเรื่อยๆ จะช่วยทำให้หมุนได้นานขึ้น นั่นหมายความว่าเราสามารถทำดาเมจจากท่านี้ได้มากขึ้น
Infernal Slash
การชาร์จท่าหมุนโจมตีแล้วปล่อยออกไปในขั้นที่ 2 จะช่วยให้การโจมตีมีผลของธาตุไฟเข้ามาเพิ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มความเสียหายที่สร้างได้ส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาศทำให้ฝ่ายตรงข้ามติดสถานะเผาไหม้ไปด้วย
Greatsword Sap
หากกดป้องกันแล้วทำเคาน์เตอร์ติด เมื่อเราโจมตีสวนกลับไปเราจะดูดเลือดจากศัตรูกลับมาในอัตรา 45% จากดาเมจที่ทำได้ ซึ่งเหมาะอย่างมากด้วยพลังโจมตีของดาบใหญ่ เราสามารถเรียกคืนพลังชีวิตกลับมาได้มากกว่าอาวุธอื่น
แนวทางการเล่น
อย่างที่บอกไปครับว่าดาบใหญ่มันช้ามากเป็นอาวุธช้าสุดจากทั้งสี่ชนิดแล้ว ทำให้การที่เราจะเดินเข้าไปดุ่มๆ ไปตีธรรมดาแบบอาวุธอื่นมันคงไม่ดีเท่าไหร่ ถามว่าทำได้ไหมก็ได้อยู่แต่ต้องฝึกให้รู้จังหวะก่อนไม่งั้นเดินเข้าไปเราจะตายก่อนได้ตีแน่ๆ
แนวทางการเล่นคือเน้นใช้พวกท่า ชาร์จ (Focus Strikes) เข้าโจมตี ไม่ว่าจะเดินชาร์จแล้วไปหมุนใส่ศัตรู หรือตีให้ล้มแล้วชาร์จรออีกฝ่ายลุกขึ้นมาเพื่อซํ้าก็ตามที หวังผลด้วยการโจมตีธรรมดาทำได้ค่อนข้างยากเพราะช้าเกินไป เอาจริงๆ ดาบใหญ่นี่จัดเป็นอาวุธที่เล่นยากพอควรเลยนะ แต่ใครฝึกจนชำนาญแล้วมันก็อีกเรื่องนึงเลย
กระบี่ (Longsword)
ข้อดี – คงเรียกได้ว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่มีความรวดเร็วและคล่องตัวสูงสุดในหมวดอาวุธประชิดแล้ว เราสามารถใช้ท่วงท่าต่างๆ เพื่อเคลื่อนที่ไปโจมตีไปได้ด้วย รวมถึงความรวดเร็วนี้มันก็ทำให้เราใช้ท่าเคาน์เตอร์ได้ง่าย เป็นอาวุธที่ค่อนข้างแนะนำสำหรับมือใหม่หรือใครยังไม่ชำนาญการต่อสู้สักเท่าไหร่นัก
ข้อเสีย – เป็นเหมือนอาวุธตรงข้ามดาบใหญ่ก็ว่าได้ครับสำหรับกระบี่ ในเมื่อมีท่วงท่าการโจมตีที่ไวสิ่งที่ต้องแลกไปนั่นก็คือพลังโจมตีนั่นเอง กระบี่จัดเป็นอาวุธที่มีพลังโจมตีเบาสุดจากทั้งสี่ชนิด ซึ่งถ้าเทียบกับอาวุธชิ้นอื่นๆ เวลาเราจะฆ่าใครสักคนอาจต้องซั้าหลายคอมโบเลย
Souljade ที่แนะนำ
Phoenix Blast
ทุกครั้งที่ทำการโจมตีแบบชาร์จ ตัวกระบี่จะทำการปล่อยคลื่นพลังงาน (Sword Energy) เพิ่มออกมาอีกหนึ่งสาย ซึ่งช่วยเพิ่มความเสียหายที่ทำใส่ศัตรูได้ส่วนนึง แถมคลื่นพลังงานเหล่านี้ยังสามารถใช้โจมตีซํ้าใส่ศัตรูที่สลบอยู่บนพื้นได้ด้วย
Blue Moon
เมื่อโจมตีครบสามครั้งในคอมโบ ตัวกระบี่จะทำการปล่อยคลื่นพลังงานออกไปด้านหน้า ทำให้เราสามารถโจมตีโดนศัตรูที่อยู่เกินระยะออกไป รวมทั้งถ้ามีศัตรูซ้อนกันอยู่เรายังสามารถใช้ท่านี้ในการโจมตีทะลุไปได้ด้วย
แนวทางการเล่น
ส่วนใหญ่แล้วการเล่นกระบี่จะเน้นไปทางด้านการแสปมโจมตีเป็นหลัก หรือไม่ก็ทิ้งระยะห่างเพื่อใช้ท่าชาร์จ Focus Strikes มากกว่า เนื่องจากท่าชาร์จของกระบี่นั้นจะมีการปล่อยคลื่นพลังตามหลังออกมาเสมอ ทำให้อาวุธนี้มีระยะการโจมตีไกลกว่าอาวุธอื่นๆ เราจึงใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้มาเป็นประโยชน์นั่นเอง
แต่ก็ต้องระวังด้วยว่าการแสปมโจมตีไปรัวๆ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายก็มีโอกาศทำเคาน์เตอร์ติดได้บ่อยขึ้นเช่นกัน ถ้าเกิดตีไปจังหวะที่เขากันพอดีกระบี่เราอาจหลุดออกจากมือแล้วโดนสวนกลับแทน ดังนั้นการโจมตีถ้ารู้จักพลิกแพลงเช่นเว้นช่วงไปแปปนึงแล้วค่อยกลับมาตีต่อ มันก็จะทำให้อีกฝ่ายสับสนได้ง่ายและทำให้เคาน์เตอร์ติดยากมากทีเดียว ยังไงลองไปฝึกกันดูนะเล่นสนุกอยู่เหมือนกันสำหรับอาวุธชิ้นนี้
คาตานะ (Katana)
ข้อดี – เป็นอาวุธที่มีพลังโจมตีรองถัดมาจากดาบใหญ่ แถมระยะการโจมตียังค่อนข้างกว้างอีกด้วย รวมไปถึงพวกท่าชาร์จต่างๆ ก็ถือว่าแรงใช่ย่อยเลยล่ะ ถ้าฝึกจนชำนาญแล้วล่ะก็เราสามารถใช้อาวุธชิ้นนี้จบการต่อสู้ได้ในเวลาเพียงไม่นาน แถมถ้าหากคิดจะหนีจากอาวุธชิ้นนี้แล้วล่ะก็บอกเลยว่ายากมากทีเดียว
ข้อเสีย – สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการเล่นคาตานะคืออาวุธชิ้นนี้จะมีการออกท่วงท่าค่อนข้างหน่วงสักหน่อย อาจไม่ได้ช้าเหมือนกับดาบใหญ่แต่ถ้าเทียบกับกระบี่แล้วอาวุธชิ้นนี้ก็ถือว่าช้าอยู่ระดับนึงเลย รวมไปถึงคอมโบของอาวุธชิ้นนี้ค่อนข้างจะตายตัว ทำให้ถ้าเกิดเจอคนเล่นเก่งๆ เขาสามารถจับทางเราได้ง่ายๆ เลย
Souljade ที่แนะนำ
Soul Slash
การชาร์จโจมตีในระดับที่ 2 จะเปลี่ยนจากท่าฟันด้านหน้า เป็นการพุ่งไปกลับและทำดาเมจแบบรัวๆ แทน ซึ่งนับว่าเป็นท่าที่มีพลังทำลายสูงมากๆ แถมยังมีระยะค่อนข้างไกลอีกด้วย
Stamina Strike
การโจมตีครั้งที่ 3 ในคอมโบ เมื่อทำการโจมตีเสร็จแล้วจะทำการฟื้นฟูเลือดกลับมา 30% จากความเสียหายที่ทำได้
Composure
หลังการใช้ท่าชาร์จ Blink Strike เมื่อทำการเก็บดาบเข้าฝักจะทำการฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาส่วนหนึ่ง
แนวทางการเล่น
วิธีเล่นหลักๆ ของคาตานะนั้นจะเน้นไปทางด้านการใช้ท่าชาร์จ Focus Strikes เป็นหลัก ด้วยว่าท่าชาร์จของคาตานะนั้นมักมาในรูปแบบของการโจมตีหลายครั้ง ฟันรัวบ้าง ฟันสลับบ้าง หรืออย่าง Soul Slash ที่พุ่งไปกลับแล้วทำดาเมจหลายฮิตก็ตาม ซึ่งท่าเหล่านี้สามารถทำดาเมจได้แรงมาก ยิ่งถ้าใส่พวก Attack Jade ด้วยแล้วดาเมจจะยิ่งเห็นชัดมากเลย
แต่นั่นล่ะครับถึงแม้จะบอกว่าเน้นการใช้ท่าชาร์จเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ให้ใช้ตลอดเวลานะ เพราะผู้เล่นที่เขาชำนาญๆ แล้วเขามักรู้จังหวะอาวุธชิ้นนี้ พอเราชาร์จแล้วปล่อยออกไปอีกฝ่ายเขาก็รอเคาน์เตอร์สวนทันที ยังไงก็ระวังตรงนี้ไว้ด้วยล่ะ
หอก (Spear)
ข้อดี – เป็นอาวุธมาใหม่ชิ้นล่าสุดที่ทางด้านดาเมจอาจไม่ได้สูงมากนัก แต่การคอมโบถือว่ารัวแบบสุดๆ ไปเลย แถมยังมีระยะการโจมตีไกลกว่ากระบี่หรือคาตานะอีกต่างหาก โดนเฉพาะท่าเคาน์เตอร์ที่เมื่อทำได้ติดจะมีการต่อคอมโบยาวๆ ชนิดว่าชุดเดียวตายได้เลยนะ
ข้อเสีย – สิ่งที่น่าขัดใจสำหรับอาวุธชิ้นนี้คือคอมโบต่างๆ ประยุกต์แทบไม่ได้เลย เนื่องด้วยว่าท่าการโจมตีของอาวุธนี้จะมีเพียง การโจมตีธรรมดา และ ท่าชาร์จ แค่สองอย่างเท่านั้น การสร้างคอมโบใหม่ๆ เหมือนอาวุธอื่นจึงทำได้ยากมาก
Souljade ที่แนะนำ
Erudition
เปลี่ยนท่าชาร์จจากการฟาดลงมาตรงๆ ให้การเป็นหมุนตัวฟาดแบบสองฮิตแทน
Scale Rush – Spear
ท่าชาร์จพุ่มโจมตีจากกำแพง เมื่อถึงพื้นแล้วจะมีการต่อคอมโบเสริมเข้ามา
แนวทางการเล่น
อย่างที่แนะนำไปครับอาวุธชิ้นนี้ปรับคอมโบยากมาก ทำให้การโจมตีหลักๆ เราจะเน้นการแสปมโจมตีล้วนๆ เลย กับอีกวิธีคือการเน้นเคาน์เตอร์หวังผล เพราะถ้าทำติดตัวละครเราจะพุ่งไปเสียบฝ่ายตรงข้าม ตามด้วยการหมุนหอกฟาดลงมาแบบรัวๆ ก่อนปัดทิ้งท้ายอีกทีนึง คือถ้าเคาน์เตอร์ติดเนี่ยชุดเดียวสามารถฆ่าอีกฝ่ายให้ตายได้เลยนะนับว่าโกงแบบสุดๆ ไปเลย
แต่นั่นล่ะครับเหมือนกับกระบี่เลยยิ่งเราแสปมการโจมตีมากเท่าไหร่ มันยิ่งหมายความว่าอีกฝ่ายยิ่งมีโอกาศทำเคาน์เตอร์ได้สูงขึ้นมากเท่านั้น ค่อนข้างนับว่าเสี่ยงพอควร รวมไปถึงพวกท่า Focus Strikes หรือท่าชาร์จของอาวุธชิ้นหาจังหวะใช้ยากมาก แต่ถ้าใช้จนคล่องแล้วไม่ว่าใครก็สู้ไม่ได้หรอก โดนเคาน์เตอร์สวนกลับทีเดียวก็ตัวแตกกันหมดแล้ว
ซึ่งทั้งหมดเป็นวิธีแนะนำคร่าวๆ ว่าอาวุธแต่ละชิ้นควรเอามาใช้อะไรยังไง แต่เพื่อนๆ เองก็ต้องไปใช้เวลาฝึกให้คุ้นชินเพิ่มเติมด้วยนะ เพราะบอกเลยว่าถ้าเล่นจนคล่องแล้วเนี่ยไม่ว่าใครเราก็สู้ได้หมดเลยล่ะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไปไม่มากก็น้อยนะครับ
ดาวน์โหลดเกม Naraka : Bladepoint ได้ที่นี่