วันนี้เรามาย้อนวันวานกันบ้างกลับไปสู่ช่วงก่อนหน้านี้สัก 20 ปี หรือราวๆ ช่วงปี 2001 กับเครื่องเกมพกพายอดนิยมในยุคนั้นอย่าง Gameboy Advance ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจเลยล่ะว่าเกมเมอร์รุ่นใหม่หลายคนไม่ทันเครื่องนี้ แล้วเคยสังสัยกันบ้างรึเปล่าว่าในช่วงนั้นเขาเล่นอะไรกัน?
ในบทความนี้ผมก็จะพาเพื่อนๆ หรือน้องๆ ย้อนกลับไปดู 10 อันดับเกมยอดนิยมตลอดกาลจากเครื่อง Gameboy Advance อีกหนึ่งเครื่องเกมยอดนิยมที่ห่างหายไปตามยุคสมัย มาดูว่าเขานิยมเล่นอะไรกันบ้าง เอาเป็นว่าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
10. Tony Hawk ‘s Pro Skater 3
ถ้าหากคุณเป็นแฟนกีฬาประเภทสเก็ตบอร์ดคงจะไม่มีทางไม่รู้จักกับ Tony Hawk แน่นอน ด้วยความสามารถระดับปรมจารย์และชื่อเสียงอันโด่งดัง จึงทำให้มีการนำเรื่องราวของเขามาดัดแปลงเป็นเกมหลายต่อหลายภาค ซึ่งในภาค 3 นี้เองก็ถูกหยิบมาลงให้กับเครื่อง Gameboy Advance ด้วยว่าสามารถโชว์ลีลาสเก็ตบอร์ดบนหน้าจอพกพาไปเล่นแบบสบายๆ ไม่ต้องนั่งอยู่กับที่เหมือนเครื่องอื่น จึงทำให้ได้รับความสนใจและความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนกลายมาเป็นหนึ่งในสิบอันดับเกมยอดนิยมประจำเครื่องไปแล้ว
9. Mario VS. Donkey Kong
ผลงานยอดนิยมจากค่าย Nintendo ที่นำเอาสองดาวเด่นกลับมาอีกครั้งใน Mario VS. Donkey Kong โดยในภาคนี้เปรียบเสมือนภาคต่อจาก Donkey Kong (1994) ก็ว่าได้ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์สไตล์การเล่นดั้งเดิมของตัวเกมไว้ครบถ้วน เพียงแต่การกลับมาในครั้งนี้มีการเพิ่มความยากขึ้นไปอีกหลายขุม พร้อมปัญหาชวนปวดหัวมากมายรออยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะมีความยากขึ้นอย่างเห็นชัดแต่มันกลับแฝงไปด้วยความท้าทายอย่างน่าหลงไหล และได้ช่วยผลักดันให้ตัวเกมประสบความสำเร็จไม่แพ้เวอร์ชั่นต้นตำหรับเลยล่ะ
8. Fire Emblem
อีกหนึ่งผลงานแนว JRPG สุดคลาสสิคกับการหยิบมาเล่าใหม่อีกครั้งกับ Fire Emblem ซึ่งถ้านับเอาตามเนื้อหาในแฟรนไชส์ต้องนับว่าเป็นภาคที่ 7 ถึงแม้ว่าแฟรนไชส์นี้จะถูกสร้างออกมาหลายภาคแล้วก็ตามแต่ความสนุกไม่เคยลดลงเลย กลับกันความสนุกดันทวีคูณเพิ่มขึ้นไปในทุกครั้งที่ออกมาใหม่ แน่นอนว่ามันส่งผลให้ในภาคนี้ยังคงได้รับความนิยมเฉกเช่นเคย แถมหลายคนยังบอกว่านี่เป็นเกมที่ทำให้เข้าถึงความเป็น Fire Emblem ได้อย่างครบถ้วน แม้คุณไม่เคยเล่นภาคก่อนๆ มาก็ตามที
7. Pokemon (Fire Red / Leaf Green)
ถ้าให้จันอันดับจากเครื่อง Gameboy แล้วไม่มีแฟรนไชส์ของ Pokemon นี่คงแปลกน่าดูเลย ซึ่งภาคที่สามารถทำยอดขายและได้รับความนิยมสูงสุดนั้นคือ Fire Red และ Leaf Green โดยทั้งสองนี้ถือว่าเป็นภาครีเมคจาก Red และ Green เวอร์ชั่นคลาสสิค มาพร้อมการปรับปรุงหลายอย่างให้ดีขึ้น ทั้งตัวภาพคมชัดขึ้น จากขาวดำก็กลายเป็นภาพสี ไปจนถึงรายละเอียดต่างๆ ยิบย่อยอีกมากมายที่ถูกเพิ่มเข้ามา ด้วยความสำเร็จของสองเกมนี้ก็ได้ส่งผลให้เกิดการรีเมคในภาคอื่นๆ ตามมาภายหลังนั่นเอง
6. Mega Man Zero 2
อีกหนึ่งผลงานซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็น “ที่สุด” ในแฟรนไชส์ Mega Man Zero แล้ว ทั้งการออกแบบฉากอันดีงาม กับดักชวนหัวร้อน ไปจนถึงการสู้กับบอสสุดมันส์ เรียกได้ว่าทั้งหมดในเกมนี้แทบจะเพอร์เฟคเลยทีเดียว แถมยังมีการลงให้กับเครื่อง Gameboy ทำให้สามารถพกพาไปเล่นในทุกที่ตามใจปราถนาอีกต่างหาก จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจึงกลายมาเป็นหนึ่งในสิบอันดับนี้ได้ และถึงแม้จะมีการทำภาคต่อออกมา แต่แฟนคลับก็ยังยืนยังอยู่ดีว่าไม่มีเกมไหนเลยจะสู้ภาคนี้ได้ล่ะนะ
5. Wariorware : Twisted!
เกมเนื้อเรื่องแยกของมาริโอ้กับการเดินทางของเจ้า Wario ในภาคที่สอง ซึ่งคราวนี้ก็ถูกนำมาลงให้กับ Gameboy Advance ด้วย จุดเด่นอันน่าสนใจเลยคือระบบ Accelerometer (ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับในสมาร์ทโฟน) ที่ถูกใส่เข้ามาในตลับเกม ส่งผลให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าวเพื่อเพิ่มลูกเล่นได้มากขึ้น แน่นอนว่าพอมาเทียบกับเกมอื่นๆ แล้วมันช่างลํ้าหน้าไปหลายขุม นั่นแล่ะครับเหตุผลว่าทำไมถึงได้รับความนิยมจนกลายมาเป็นหนึ่งในสิบอันดับไปเรียบร้อย ก็เล่นใส่ระบบพิเศษลํ้าหน้าลงไปนิใครจะไม่ชอบล่ะจริงไหม?
4. Castlevania : Circle of the Moon
ตำนานของนักล่าแวมไพร์ก็ตามมาลงให้กับเครื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีการวางจำหน่ายทั้งหมด 3 เกม โดย Circle of the Moon เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เหตุผลที่ทำให้ภาคนี้ถูกกล่าวขานคือความ “คลาสสิค” ตัวเกมไม่มีลูกเล่นอะไรอันซับซ้อน คงสไตล์การเล่นดั้งเดิมไว้ครบถ้วน มองเผินๆ อาจดูไม่มีอะไรมากนักแต่พอผสมผสานกับหลายๆ อย่างกลับถ่ายทอดความเป็น Castlevania ออกมาได้อย่างไมน่าเชื่อ ชนิดว่าในภาคหลังที่ออกมาบางเกมยังทำได้ไม่ดีเท่าเลยด้วยซํ้าไป
3. Mario & Luigi : Superstar Saga
หนึ่งในเกมแฟรนไชส์ของลุงช่างประปา ที่ในคราวนี้ไม่ใช่การตะลุยท่อเพื่อตามหาเจ้าหญิง แต่มาในรูปแบบแนว RPG แทน ถ้าใครเคยสัมผัสกับเกมนี้มาก่อนจะรู้ถึงสเน่ห์แบบแปลกๆ ที่เราหาจากไหนไม่ได้ ส่วนนึงอาจเพราะเราคุ้นเคยกับลุง Mario ในแบบวิ่งตะลุยมากกว่า พอถูกนำมาถ่ายทอดในรูปแบบต่างกันไป ทั้งคอนเซ็ปต์เอง สไตล์ภาพ ไปจนถึงหลายๆ อย่างเอามารวมกัน มันเลยดึงดูดให้เราต้องเข้ามาลองดูกันสักครั้ง ก่อนในภายหลังสเน่ห์อันแปลกประหลาดนี้เองจะช่วยส่งผลให้ประสบความสำเร็จตามมา
2. The Legend of Zelda : The Minish Cap
เมื่อ Mario มาแล้ว Link ไม่มาคงไม่ได้จริงไหม เพราะทาง Nintendo เองก็ผลักดันเอาแฟรนไชส์ของ Legend of Zelda มาลงให้กับเครื่อง Gameboy Advance เช่นกัน ซึ่งภาคที่ถูกติดอันดับเข้ามาคือ The Minish Cap โดยถึงแม้จะออกมาช้ามาก (ช่วงนั้นเครื่อง DS เริ่มวางจำหน่ายแล้ว) แต่กลับสร้างผลงานได้ดีเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ ชนิดว่าเกมจากเครื่อง DS ออกมาใหม่ในตอนนั้นยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซํ้าไป จนแฟนเกมต้องยกให้เป็นหนึ่งในภาคดีที่สุดในแฟรนไชส์ Zelda ไปแล้วอีกรายการนึง
1. Metroid Fusion
ได้มีการถกเถียงกันในกลุ่มว่า “เราควรยกเกมไหนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งกันดี” ก่อนในภายหลังจะมีการถกเถียงและลงความเห็นกันว่า Metroid Fusion นี่ล่ะคู่ควรกับการเป็น “อับดับหนึ่ง” สุดแล้ว จุดเด่นเลยที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือ “เกมเพลย์” ซึ่งมันสนุกมากถึงขั้นว่าหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในเกมแอ็คชั่น 2D ดีที่สุดตลอดกาลเลย
นอกเหนือจากเป็นสุดยอดเกมบนเครื่อง Gameboy Advance แล้ว Metroid Fusion ยังถูกนับว่าเป็นหนึ่งในเกมดีที่สุดแห่งยุคสมัยอีกด้วย ส่วนจะสนุกสมกับการยกย่องไหมนั้น เพื่อนๆ คนไหนยังมีเครื่องและตลับเกมอยู่ ก็หยิบมาลองดูเพื่อพิสูจน์กันได้นะ
Gameboy Advance อีกหนึ่งเครื่องเกมชวนน่าคิดถึงมากเลยทีเดียว หากใครบอกว่าเกิดทันหรือเคยเล่นก็พอจะเดาอายุกันได้คร่าวๆ ล่ะนะ แต่เอาจริงแล้วหลายเกมสนุกมากเลยนะ สนุกกว่าบางเกมในทุกวันนี้ด้วยซํ้าไป แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเกมไหนสนุกบ้างล่ะ หรือเกมไหนควรขึ้นมาติดหนึ่งในสิบแทน ยังไงก็ลองคอมเมนต์เพิ่มเติมกันได้เช่นเคยนะ