เงินหายจากบัญชี กำลังเป็นปัญหาใหญ่ มีผู้ใช้บริการบัตรเดบิตและเครดิตของหลายธนาคาร พบว่า เงินในบัญชีของตนหายไป โดยส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้า, บริการกับร้านค้าออนไลน์, App ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ซึ่งเจ้าของบัญชีต่างแปลกใจ เพราะตนไม่เคยทำธุรกรรมเหล่านี้เลย ซ้ำยอดที่เกิดขึ้น ยังถี่มากเสียจนไม่น่าใช่การทำธุรกรรมตามปกติอีกด้วย
เงินหายจากบัญชี วิธีป้องกัน ทำยังไง
สาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจง เหตุการณ์ตัดเงินผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมากในครั้งนี้ว่า “ไม่ใช่การรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร” แต่ไม่ได้มีการระบุสาเหตุชัดเจนว่า การเกิดธุรกรรมผิดปกติจำนวนมากเหล่านี้ มีสาเหตุแท้จริงมาจากอะไร ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรทำการป้องกันด้วยตนเอง ดังต่อไปนี้
จำกัดวงเงินในบัตรเครดิต หรือ เดบิตให้น้อยที่สุด
ในกรณีของ บัตรเครดิต เมื่อมีการทำธุรกรรมผิดปกติ เราสามารถแจ้งธนาคารเจ้าของบัตรให้ดำเนินการยกเลิกยอดเงินจากธุรกรรมนั้นได้ไม่ยากนัก เพราะยอดหักเงินจากบัตรเครดิตยังอยู่ในระบบของธนาคาร
ปัญหาใหญ่คือ บัตรเดบิต เมื่อยอดเงินโดนหักไป เราจะตามคืนได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเงินได้ถูกโอนออกจากบัญชีธนาคารของเรา ไปยังบัญชีปลายทางของอีกฝ่าย การตามเงินจึงต้องใช้เวลานานมาก ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร บางธนาคารอาจต้องตามเงินนานถึง 90 วันก็มี ยิ่งตอนนี้เรายังไม่รู้ต้นเหตุของ เงินหายจากบัญชี ด้วย ทำให้การป้องกันยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่เราทำได้คือ จำกัดความเสียหายให้น้อยที่สุด เราไม่รู้ว่า เราจะตกเป็นเหยื่อเมื่อไหร่ ดังนั้น การลดปริมาณเงินในบัญชี บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต ให้เหลือน้อยเข้าไว้ จึงช่วยให้เราเสียเงินไม่มากนัก ในกรณีที่เราตกเป็นเหยื่อ เงินหายจากบัญชี ขึ้นมา
แยกบัญชีเงินเก็บ กับ บัญชีเงินใช้ ออกจากกัน
บางคนเลือกทำบัญชีธนาคารเพียงบัญชีเดียว เพื่อลดความยุ่งยากของการมีหลายบัญชี แต่การทำแบบนี้เพิ่มความเสี่ยงในการสูญเงินจำนวนมหาศาล เมื่อบัญชีของเราโดนมิจฉาชีพบุกเข้าถึงก็มีโอกาสที่เงินเก็บของเราจะเสียไปทั้งหมด เราจึงควรมีบัญชีธนาคารอย่างน้อยสองเล่ม เล่มนึงเพื่อเอาไว้เก็บเงิน อีกเล่มเอาไว้ใช้จ่าย
จากข่าวที่ปรากฏออกมาเหยื่อ เงินหายจากบัญชี เกือบทั้งหมดเป็นบัญชีธนาคารที่ผูกบัตรเดบิตไว้ ผู้เสียหายโดนนำข้อมูลบัตรเดบิตไปทำธุรกรรมออนไลน์ ดังนั้น หากเราไม่ผูกบัตรเดบิตเข้ากับบัญชีเงินเก็บ ก็จะทำให้เราตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ส่วนบัญชีเงินใช้ก็ใส่เงินเอาไว้ตามความเหมาะสม ยิ่งเรามีเงินในบัญชีเงินใช้น้อย วันไหนเราตกเป็นเหยื่อ เราก็จะเสียเงินน้อยนั่นเอง
ยกเลิกการผูก บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต เข้ากับบัญชี Social ต่างๆ หากไม่ได้ใช้งาน
นอกจากผู้เสียหายที่เสียเงินไปกับการทำธุรกรรมกับ App ต่างๆ แล้ว ยังมีผู้เสียหายบางคน เงินหายจากบัญชี เพราะโดนเอาไปจ่ายค่า Ads โฆษณาที่ตนไม่เคยใช้งานด้วย ความเสียหายในส่วนนี้เกิดจากบัญชี Social Media อย่าง Facebook, Google เปิดช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถลง Ads โฆษณาได้ ด้วยการผูก บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต เพื่อใช้ในการจ่ายเงินนั่นเอง
สำหรับ คนทำการตลาด Online มักจะมีการผูก บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต เอาไว้บนบริการเหล่านี้เพื่อทำการยิง Ads อยู่แล้ว แต่เมื่อมิจฉาชีพ สามารถเข้าถึงบัญชีของเราได้ มันจะทำการผูก บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต ของเรา เข้ากับเพจ, บัญชีโฆษณา ของมัน แล้วทำการยิง Ads ด้วยเงินของเรา จากที่เห็นในข่าว ยอดเงินในส่วนนี้ไม่ใช้ยอดเงินน้อยๆ หลายๆ ครั้ง แต่เป็นยอดเงินหลักหมื่นต่อครั้งเลยทีเดียว
ทางป้องกัน เงินหายจากบัญชี กรณีนี้คือ หากเราไม่ค่อยได้ยิง Ads ก็ควรยกเลิกการผูก บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต กับบัญชีของเราไปเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพเอาเงินในบัตรของเราไปใช้ยิง Ads ปัญหาคือมีบางเคสที่ผู้เสียหายไม่ได้ผูก บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต เข้ากับบัญชี Social Media เหล่านี้เลย แต่ก็ยังโดนเอาเงินไปยิง Ads อีก กรณีแบบนี้ อาจต้องแก้ไขด้วยการกำหนดวงเงิน ของบัตรแต่ละใบที่เราถือเอาไว้ให้น้อยลง เพื่อให้เสียเงินน้อยที่สุดเวลาตกเป็นเหยื่อ
เช็คยอดเงินเป็นประจำ รีบแจ้งธนาคาร เมื่อมียอดน่าสงสัย
ในยุคปัจจุบัน การเช็คยอดเงินในบัญชีผ่าน App มือถือ ใช้เวลาไม่เกิน 1-2 นาที หากเราไม่มั่นใจว่า เราจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือไม่ ให้เช็คยอดเงินในบัญชีดูทุกวัน เมื่อไหร่ก็ตามเจอยอดที่ไม่ใช่ธุรกรรมที่เราทำด้วยตนเอง ให้รีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชีทันที แม้ว่าจะใช้เวลาในการติดตามยอดนาน แต่การแจ้งปัญหา เงินหายจากบัญชี เร็ว ย่อมช่วยให้เราได้รับการแก้ไขเร็วขึ้นด้วย
หากเช็คเจอยอดผิดปกติแล้ว สามารถแจ้งสายด่วนธนาคารได้ตามลิสท์ด้านล่างนี้
กรุงเทพ Call Center 1333
กสิกรไทย Call Center 0 2888 8888
ไทยพาณิชย์ Call Center 0 2777 7777
กรุงไทย Call Center 0 2111 1111
กรุงศรี Call Center 1572
ออมสิน Call Center 1115
CIMB Call Center 0 2626 7777