ถ้าหากจะให้พูดถึงเกมแนวสยองขวัญเอาตัวรอด รายชื่อเกมอันดับแรกที่เพื่อนๆ นึกกันออกมีอะไรบ้างล่ะ Resident Evil, Outlast, Evil Within ไปจนถึงเกมผีสัญชาติไทยบ้านเราอย่าง Home Sweet Home ก็ถือว่าใช่ด้วยเช่นกัน โดยในปัจจุบันเกมรูปแบบนี้ก็มีโผล่ออกมาให้เห็นกันอย่างไม่ขาดสาย แต่รู้รึเปล่าว่าจริงๆ แล้วเกมแนวนี้นั้นเคยมีการสร้างและวางขายออกมาเป็นจำนวนมากตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็มีทั้งเกมที่ประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ถูกลืมเลือนไปตามการเวลาเป็นเรื่องปกติ
ย้อนกลับเมื่อช่วงปี 2008 เองนั้นก็มีอยู่หนึ่งเกมได้ถูกวางขายออกมา ซึ่งหลังจากที่วางจำหน่ายก็สามารถสร้างความสยดสยองให้กับเหล่าแฟนเกมได้อย่างมาก จนถึงกับว่าหลายๆ คนเลือกจะล้มเลิกเล่นกลางคันกันไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว เพราะทนรับกับความน่ากลัวภายในเกมไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมเองก็กลับไม่เป็นที่รู้จักมากนักและถูกมองว่าเป็นเกม นอกกระแส ไปในภายหลัง
ซึ่งเกมที่ว่านั้นก็คือ Siren: Blood Curse ตำนานอาถรรพ์คำสาปเลือด โดยในบทความนี้ก็จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกันให้ลึกขึ้นว่านี่คือเกมอะไร ทำไมมันจึงน่ากลัวขนาดนั้น
Siren: Blood Curse คืออะไร
เป็นเกมในลำดับที่ 3 ของทีมผู้พัฒนา Project Siren ซึ่งได้มีการลงให้กับเครื่อง PlayStation 3 ไปเมื่อปี 2008 ถึงแม้จะเป็นเกมภาคต่อ (Siren 1 และ Siren 2 หรืออีกชื่อคือ Forbidden Siren) แต่ตัวเกมภาคนี้ไม่ได้มีเนื้อหาต่อเนื่องกันแต่อย่างใด
ตัวเกมจะมีเนื้อหาเป็นเหมือนกับการรีเมคจักรวาลของตัวเอง โดยมีการนำเนื้อเรื่องทั้งหมดกลับมาเล่าใหม่ พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนเนื้อหาหลายๆ จุดให้มีความเป็นสากลมากขึ้น มีการใช้ตัวเอกที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทจากเดิมในสองภาคแรกตัวละครเอกจะเป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด รวมไปถึงยังจะมีการปรับโทนภาพและสีที่ใช้ในเกมให้เหมือนกับหนังสยองขวัญจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่เข้ากันเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้ตัวเกมดูมืดมนน่ากลัวขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว
ซึ่งในภาคนี้ก็นับว่าเป็นการปิดตำนานของ Siren เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากตัวเกมได้วางจำหน่ายไปแล้วทางทีมผู้พัฒนาก็ได้เปลี่ยนไปทุ่มเทกับเกม Gravity Rush แทนและไม่ได้มีการพูดถึงแฟรนไชส์สยองขวัญนี้อีกเลย
เนื้อเรื่องย่อของตัวเกม
ในวันที่ 3 สิงหาคม 2007 เมื่อทีมงานรายการทีวีจากทางสหรัฐอเมริกาต้องการเข้าไปถ่ายทำรายการยังหมู่บ้าน Hanuda หมู่บ้านบนหุบเขาซึ่งครั้งนึงได้โดนดินถล่มจนทั้งหมู่บ้านได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ปี 1976 โดยได้มีการรายงานถึงเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอันหาสาเหตุไม่ได้ จึงทำให้รายการดังกล่าวต้องการจะเข้าไปทำข่าวนั่นเอง
ซึ่งทุกอย่างก็ดูจะราบรื่นเป็นปกติจนเข้าช่วงคํ่า เมื่อเหล่าทีมงานได้เข้าไปพบกับพิธีกรรมประหลาดที่กำลังทำการฆ่าคนเพื่อใช้เป็นเหยื่อบูชายัญ ทำให้ Howard Wright หนึ่งในทีมงานตัดสินใจเข้าไปขัดขวางพิธีเพื่อช่วยเหลือคนที่ยังเหลือรอดอยู่ ก่อนในภายหลังทีมงานทั้งหมดจะโดนไล่ล่าโดยกลุ่มของศพเดินได้ที่เรียกว่า Shibito จึงทำให้ต้องแยกย้ายกันหลบหนีเพื่อเอาตัวรอด พร้อมกับการมาของสัญญาณไซเรนซึ่งดังไปทั่วทั้งหุบเขาเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นแห่งฝันร้ายอันสยดสยองนี้
รูปแบบการเล่น
อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นว่าตัวเกมเป็นแนวสยองขวัญเอาตัวรอด หรือ Horror – Survival รูปแบบหลักของตัวเกมจะเน้นการหลบซ่อนและหนีเป็นหลัก ซึ่งตัวเกมจะมีการสลับให้ผู้เล่นได้เป็นตัวละครแตกต่างกันไปตามบทนั้นๆ บางตัวละครก็จะสามารถต่อสู้ได้ ใช้อาวุธได้ แต่บางตัวจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากการการแอบและหนี
อย่างเช่นตัวละคร Bella Monroe หนึ่งในตัวละครที่เราจะได้เล่น ซึ่งเธอเป็นเด็กสาววัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น การที่จะให้เข้าไปสู้กับเหล่าผีดิบเดินได้อย่าง Shibito นั้นเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตัวเกมก็ได้มีสิ่งเข้ามาทดแทนจุดด้อยนี้ เนื่องด้วยการที่เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กทำให้เธอสามารถมุดเข้าไปแอบยังซอกหรือช่องต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่สามารถทำได้ จึงทำให้ระบบการเล่นภายในเกมนี้นั้นค่อนข้างจะหลากหลายขึ้นอยู่กับบทบาทของแต่ละตัวละครก็ว่าได้
อีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจก็คือระบบการมองผ่านสายตาของเหล่า Shibito เพียงแค่เรานำตัวละครของเราเข้าไปสัมผัสเลือดของพวกมัน เหล่าก็จะสามารถมองผ่านสายตาของพวกมันที่อยู่ใกล้กับเราได้ ทำให้เรารับรู้ได้ว่าแต่ละตัวมีรูปแบบการเคลื่อนที่แบบไหน มีมุมมองกว้างเพียงใด ทำให้เราสามารถหนทางในการหลบหนีได้ง่ายขึ้น แต่อยากบอกว่ามันก็ไม่ใช่ระบบอะไรที่น่าใช้บ่อยนักเพราะบางทีเจ้าผีดิบพวกนี้มันก็เดินไปรวมตัวกันและทำให้บรรยากาศดูหลอนน่ากลัวมากๆ ทีเดียว
ความคิดเห็นต่อตัวเกม
ครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเกมนี้ผมรู้สึกว่า “น่ากลัว” ด้วยตัวเกมมีการเลือกใช้โทนสีให้เหมือนหนังสยองขวัญ มันจึงทำให้มีบรรยากาศดูค่อนข้างหดหู่ มืดมน และกดดันในระดับนึงเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาตอนกลางคืนระยะการมองเห็นของเรานั้นจะแคบลงอย่างมาก จนบางทีกว่าจะเห็นว่ามีผีโผล่มาก็แทบจะหนีไม่ทันแล้ว
ตัวของ Shibito เองนั้นก็ถือว่ามีการดีไซน์ออกมาได้สยดสยองพอควร อย่างแรกเลยคือเจ้าพวกนี้มันเหมือนจะเป็นซอมบี้แต่ก็ไม่ใช่ซอมบี้ซะทีเดียว เพราะถึงแม้จะกลายเป็นศพไปแล้วแต่พวกมันก็ยังสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ รวมถึงยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันเหมือนตอนยังมีชีวิตอยู่ได้ปกติ แต่พอเจอกับคนเป็นพวกมันจะกรีดร้องแล้ววิ่งเข้าใส่เพื่อทำร้ายอย่างบ้าคลั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนคนโดนผีสิงมากกว่าจะเป็นซอมบี้ก็ว่าได้
แถมเมื่อยิ่งเล่นลึกเข้าไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเจอเจ้าพวกนี้มีการกลายพันธุ์ บางตัวก็มีปีกงอกและบินได้เหมือนอย่างแมลง บางพวกก็มีรูปร่างเริ่มบิดเบี้ยวสามารถวิ่งไต่กำแพงไปมาได้เหมือนหนังผีจูออนเลย หรือแม้แต่พวกที่วิวัฒนาการจนไม่เหลือเค้าโครงความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลยก็ตามที
สำหรับเหตุผลที่ตัวเกมไม่ประสบความสำเร็จจนถูกจัดให้เป็น “เกมนอกกระแส” ไปนั้นไม่ได้มีการระบุอันแน่ชัด ซึ่งผมคาดเดาว่าเพราะตัวเกมมีการเลือกใช้ภาพและโทนสีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกินไปรึเปล่า ทำให้ตัวเกมมันดูมืดไปในบางทีและมองค่อนข้างยากจึงทำให้หลายๆ คนเลือกจะเมินเฉยเกมนี้ไป อีกเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะตัวเกมในสองภาคแรกนั้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ตัวเกมทำยอดขายได้แต่เพียงแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ทำให้เมื่อตัวเกมออกมาเลยไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลจริงๆ จะเป็นอะไรนั้นเราก็คงไม่มีใครทราบได้
ก็ถือเป็นการทำความรู้จักกันไปในระดับนึงแล้วกันนะครับกับเกม Siren: Blood Curse ตำนานอาถรรพ์คำสาปเลือด โดยตัวเกมก็เป็นของเครื่อง PlayStation 3 ที่วางจำหน่ายมาหลายปีแล้วล่ะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีพี่น้องรวมถึงญาติหรือคนรู้จักยังคงมีเครื่องและแผ่นเกมอยู่ก็ลองหยิบจับขึ้นมาลองเล่นกันดูได้นะ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนเคยผ่านเกมนี้มาแล้วก็ลองเล่าถึงประสบการณ์และความรู้สึกไว้ที่คอมเมนต์ด้านล่างได้เช่นเคยนะ