การ์ดเกมกับความเป็น NFT นั้นดูเหมือนจะเป็นเทคโนโลยีที่ทำมาเพื่อรองรับกันและกันก็เป็นได้ จากการที่กร์ดแบบจับต้องได้นั้น ความเป็นเจ้าของจะอยู่กับผู้ถือ เมื่อเป็นดิจิตัลความเป็นเจ้าของก็หายไป แต่ NFT ทำให้มันกลับมา ซึ่งแน่นอนเพราะงั้นใน White paper ที่จะเสนอวันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งในการ์ดเกม NFT เช่นเดียวกัน กับ Spellfire การ์ดเกมระบบ เหรียญ เดียว ที่อยู่คู่วงการ collectible card มาช้านาน กลับมาแล้วในแบบ NFT
Spellfire เหรียญ เกมนี้หาได้จากไหน
ตัวเกม Spellfire นั้นจะใช้ระบบ เหรียญ เป็นเหรียญเดียวชื่อว่า $SPELLFIRE ในการทำสิ่งต่างๆ ตัวเกมในตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึง governance แต่อย่างใด แต่สำหรับการ์ดเกมแล้วก็ดูจะพอเข้าใจได้อยู่ในระดับหนึ่งถึงการที่จะไม่ decentralize เหมือนกับเกม NFT อื่นๆ
เหรียญ $SPELLFIRE นั้นจะเป็นเหรียญหลักที่มีจำนวนอยู่ที่ 640 ล้านเหรียญ ผู้เล่นจะได้จากการซื้อการ์ดต้นฉบับและขายตัว Copy สำหรับใช้เล่นเป็นเหรียญ, ได้จากการเล่นตัวเกมด้วยการ์ดใบต่างๆ รวมถึงได้จากการเป็นรางวัลจากกิจกรรมหรือการแข่งขัน
ในด้านการใช้งานก็เยอะมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้เข้าร่วมงานแข่งหรือกิจกรรมต่างๆ ใช้ซื้อการ์ด ใช้การ Staking หรืออัปเกรดตัวการ์ด รวมไปถึงสกินของการ์ดและตัวละครแทนตัวผู้เล่นด้วย
ถ้าเพื่อนๆ ต้องการศึกษาตัว paper โดยตรงก็สามารถเข้ามาอ่านได้ที่ : https://whitepaper.spellfire.com/spellfire-whitepaper/
Spellfire Whitepaper
ตัวเกม Spellfire Re-Master the Magic นั้นเป็นการเริ่มต้นใหม่ของวงการการ์ดเกมแนวสะสม (Collectible Card Game / CCG) จากเมื่อสมัยปี 90 มาพร้อมกับเทคโนโลยีของ NFT และการเล่นแบบ Play-to-earn ตัวเกม ตอนนี้เป็นเวลาอันดีแล้วที่ Spellfire จะเข้ามาในวงการนี้
สาเหตุที่ blockchain และ NFT นั้นจะสามารถเข้ากับตัว Spellfire ได้ก็มาจากการที่ผู้เล่น Spellfire นั้นต้องการที่จะกองการ์ดของพวกเขา เพื่อสร้างเทคนิคและกลยุทธ์ในการเอาชนะคู่ต่อสู้ ด้วยการนั้นพวกเขาจึงต้องการจะครบครองตัวการ์ดต่างๆ เอาไว้
ในอดีตนั้น ไอเทมต่างๆ ในเกมไม่ว่าจะเป็นการ์ด, ตัวละครหรือสกินผู้ใช้งานต่างๆ จะตกเป็นของตลาดในเกมนั้นๆ ผู้เล่นไม่ได้มีสิทธิที่แท้จริง
เทคโนโลยีของ blockchain ได้ทำให้ผู้เล่นที่ถือครองตัวการ์ด NFT นั้นสามารถได้รับสิทธิเป็นเจ้าของได้จริงๆ สามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ได้โดยที่สิทธิก็จะถูกโอนไปยังเจ้าของคนถัดไปและมีการบันทึกเอาไว้
สำหรับ Spellfire นั้น ทีมงานได้จัดสินใจว่าจะมอบประสบการ์ณที่ดีที่สุดให้กับผู้เล่น จึงได้นำเหรียญของเกมนี้ SPELLFIRE ไว้บน Ethereum และเชื่อมไปยัง Polygon ตัวการ์ด NFT นั้นจะสามารถ mint ได้บนหลายๆ chain ทำให้สามารถถือได้ทั้งใน Solana, BSC และ Ethereum ซึ่งจะเป็นจุดที่เราตอบความคาดหวังของชุมชนได้
การที่ตัวเกม Spellfire นั้นเป็น multi-chain NFT นั้น ทำให้สามารถนำข้อดีของหลายๆ ที่มาใช้ร่วมกันได้ เช่นความน่าเชื่อถือของตัว Ethereum รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการสร้างถูกกว่า แต่มีข้อเสียที่ค่า gas สูง การเชื่อมไปยัง Polygon จะทำให้สามารถทำธุรกรรมได้ไวกว่าโดยแทบไม่ต้องเสียค่า gas เลย ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมไปยังส่วนของ Solana และ Binance Smart Chain อีกด้วย ทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นกับคนที่มีการ์ดใน Chain อื่นๆ ได้เหมือนกับการเล่นเกมข้าม platform
Spellfire’s Gameplay
ตัวเกม Spellfire นั้นออกแบบมาให้เล่นด้วยผู้เล่นสองคนหรือมากกว่า ด้วยกฎที่ปรับเปลี่ยนได้นั่นหมายถึงมันสามารถแก้ไขหรือปรับปรุงตัวกฎได้โดยไม่มีปัญหามากนัก และเหมือนกับการ์ดเกมแนวสะสมแบบอื่นๆ ผู้เล่นจะต้องมีการสะสมและสร้างกองการ์ดของตัวเองขึ้นมา การ์ดเหล่านั้นก็จะมีพลังแตกต่างกันออกไป บางใบก็อาจจะเปลี่ยนหรือปรับกฎได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เสมอในเกม ผู้เล่นที่อาจจะแพ้จะสามารถมีโอกาสกลับมาชนะได้เสมอ
เป้าหมายของเกมนั้นง่ายมาก ผู้เล่นจะต้องสร้างจักรวรรดิโดยการจั่วการ์ดจากในกองและวางลงไปบนพื้นที่ในการเล่น การ์ดของคู่ต่อสู้จะไม่มาปะปนกัน
ระหว่างที่กำลังสร้างจักรวรรดินั้น แต่ละคนก็จะพยายามทำลายดินแดนของอีกฝ่ายโดยใช้กองทัพของตัวเอง ดินแดนนั้นจะแสดงถึงพื้นที่ที่ขึ้นตรงกับผู้เล่นแต่ละคน และถูกปกป้องหรือโจมตีโดยเหล่า champion
มี champion ด้วยกันทั้งหมด 7 รูปแบบด้วยกันคือ Cleric, Hero, Monster, Wizard, Psionicist, Thief, Regent ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มความสามารถให้พวกเขาได้ด้วยการใช้การ์ดสนับสนุนชนิดต่างๆ
ถ้าการโจมตีนั้นสำเร็จ ดินแดนนั้นก็จะถูกถล่มโดยที่ champion ที่ป้องกันก็จะพ่ายแพ้ไป เกมจะจบลงเมื่อผู้เล่นคนใดคนหนึ่งมีดินแดนทั้งหมด 6 ดินแดนและไม่มีดินแดนไหนถูกถล่มไป
แน่นอนก็เหมือนเกมอื่นๆ ที่ความสนุกต้องมาก่อน เมื่อผู้เล่นเริ่มชำนาญมากขึ้นก็สามารถลองเล่นแบบแข่งขันจริงจังดูในภายหลังได้เสมอ!
ในตัว White Paper ก็จะมีส่วนของวิธีการเล่นโดยละเอียดซึ่งมีทั้งการแบ่ง Phase (ช่วง) ในแต่ละเทิร์น รวมถึงการจัดวางกระดานของตัวเกม (Setup) วิธีการต่อสู้ รวมถึงเงื่อนไขการแพ้ชนะที่มีลำดับขั้นตอนไล่ไปหากไม่สามารถหาผู้ชนะได้โดยตรง ในจุดนี้เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในส่วนของตัว White Paper ที่อยากให้อ่านโดยตรงเนื่องจากจะเป็นส่วนของการเล่นที่หากสนใจจะเล่นการ์ดเกมแล้ว เป็นจุดที่ทำความเข้าใจด้วยตัวเองจะดีที่สุด https://whitepaper.spellfire.com/spellfire-whitepaper/spellfires-gameplay
อนึ่ง ตัวเกมก็จะมีกฎเฉพาะอยู่ เช่น Rule of Cosmos นั้น การ์ดที่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม จะมีในเกมขณะนั้นได้เพียงใบเดียวเท่านั้น ไม่สามารถเล่นหรือลงซ้ำได้ การ์ดที่เป็นแบบเดียวกัน ต่อให้อัปเกรดให้ต่างกันแล้ว ก็จะไม่สามารถเล่นได้ ไม่ว่าดินแดนจะถล่มแล้วหรือไม่ก็ตาม และกฎหลักของเกม “การ์ดทุกใบสามารถเปลี่ยนกระแสของเกมได้”
New Gameplay Addition
ส่วนเสริมการเล่นที่เพิ่มเติมมาใน Spellfire Re-Master the Magic นั้นจะมีด้วยกันสองอย่างคือ Non-Player Character Card และ Interactive NFT
► Non-Player Characters
อย่างแรกคือ Non-Player Character Card หรือ NPC จะเป็นการ์ดที่มี AI คววบคุม ตัวการ์ดนี้อาจจะช่วยผู้เล่นโจมตีศัตรูหรือช่วยป้องกันดินแดนได้ เป็นได้ทั้งการช่วยเหลือและตัวน่ารำคาญในเวลาเดียวกัน ซึ่งมาสร้างสีสรรในการเล่นเพิ่มขึ้น
► Interactive NFT
การ์ด NFT ชนิดแรกของโลกที่มีการ interactive ได้ ซึ่งจะมาสร้างเอกลักษณ์ของตัวเกมและ CCG ให้มากขึ้น ทางทีมงานได้พยายามพัฒนาออกมาทั้งหมดเป็นสามรูปแบบ แต่ละแบบก็นำเอาสิ่งใหม่ๆ มาให้ชุนชนของ Spellfire ได้มีประสบการณ์แปลกใหม่กับตัวเกมได้
Augmented-Reality Card จะเป็นการนำประสบการ์ณสมัยเด็กมาสู่ Spellfire โดยนำเกมมาสู่ชีวิตจริง เพียงแค่สแกน QR Code ที่การ์ดมีอยู่ก็จะสามารถสร้างวิธีการเล่นกับอีกฝ่ายใหม่ได้แล้ว แทนที่จะโจมตีกองการ์ดอีกฝ่าย การ์ด AR แต่ละใบก็จะไปป่วนด้วยการบินไปมารอบๆ และโจมตีแทน
Voice-Controlled Card นั้นเป็นดั่งการนำจอมเวทย์มาช่วยดูแล บางการ์ดจะมีตัวเลือกให้ร่ายเวทย์หรือสวดมนตร์อยู่ ซึ่งจะทำงานตามเสียงจากไมค์ของผู้เล่น จากนั้นก็จะแสดงผลออกมาเมื่อทำตามการร่ายหรือการสวดนั้น
Gesture-Controlled Card เป็นการนำเอาการร่ายรูนมาใช้กับตัวเกม เมื่อผู้เล่นเลือก Cast a Rune จากในโปรแกรมแล้ว จะถูกขอให้วาดสัญลักษณ์ของรูนที่อยากจะร่ายบนหน้าจอ ถ้าทำถูกต้องก็จะมีอนิเมชั่นเกิดขึ้น
How Our Play-to-Earn Mechanics Work
ในการ re-master ตัวเกม Spellfire ทีมงานได้ต้องการให้ระบบการเล่นแบบ play-to-earn นั้นลื่นไหลและยุ่งยากน้อยที่สุดสำหรับผู้เล่น ไม่ว่าผู้เล่นจะพึ่งเคยเล่นหรือยังไม่ค่อยมีการ์ดก็ตามก็ควรจะสามารถเล่นเพื่อ play to earn ได้
- การซื้อการ์ด NFT ตั้งต้น
การ์ดตั้งต้นนั้นจะมีหมายเลขและระดับความหายากอยู่ ระดับ Legendary นั้นจะหายากที่สุดและมีเพียงใบเดียวเท่านั้น ผู้เล่นที่ซื้อการ์ดตั้งต้นจะได้รับ 90% ของกำไรที่ได้จากการขายการ์ดที่แปรออกมาเป็นการ์ดสำหรับเล่นแล้ว เช่นตัวการ์ด Legendary นั้นมีการทำออกมาเป็น 1000 ใบสำหรับเล่น เมื่อมีคนซื้อใบสำหรับเล่นนี้ไป เจ้าของการ์ดตั้งต้นจะได้รับส่วนแบ่งกำไร 90%
- ได้รับเหรียญ $SPELLFIRE จากการเล่น
ผู้เล่นส่วนมากจะมีการ์ดสำหรับเล่นที่เป็น NFT ของตัวเอง การ์ดเหล่านี้จะไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการขาย แต่จะสามารถนำไปใช้เล่นเพื่อได้รับตัวเหรียญ $SPELLFIRE ได้อยู่ โดยเมื่อทำการต่อสู้ การ์ดแต่ละใบจะได้รับค่าประสบการณ์และเหรียญมา เหรียญนั้นจะสามารถนำไปใช้ในการอัปเกรดตัวการ์ด เพิ่มพลังและมูลค่าของมันได้
ค่าประสบการณ์และเหรียญนั้นจะได้จากการเริ่ม, จบ และชนะในการต่อสู้ โดยมีโบนัสเมื่อทำการสังหารทันที, สั่งทิ้งการ์ดหรือรอดจากการทิ้งการ์ดมาได้
ตัวเกมยังสามารถเล่นโดยใช้การ์ดที่ไม่ใช่ NFT ได้เช่นกัน ซึ่งการ์ดเหล่านี้เมื่ออัปเกรดจนเป็นเลเวล 4 จะกลายเป็นการ์ด NFT และเปิดให้เจ้าของการ์ดเล่นแบบ play to earn ได้
- การแลกเปลี่ยนและตัวเหรียญ
การ์ดที่อัปเกรดด้วยเหรียญ $SPELLFIRE แล้วนั้นจะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่นได้ ซึ่งผู้เล่นจะสามารถซื้อการ์ดใหม่ๆ เหรียญที่ได้มา หรือนำเอาการ์ดไปขายเพื่อทำกำไรก็ได้เช่นกัน
$SPELLFIRE Token Utility
ตัวเหรียญ $SPELLFIRE นั้นจะเป็นเหรียญหลักที่ใช้ในระบบของตัวเกม Spellfire นี้ โดยทีมงานได้วางแผนที่จะเปิดตัว platform ของตัวเกมในการซื้อขาย Spellfire NFT โดยตรงตอนเปิดตัวเกม ซึ่งจะมีสกินของตัวละครผู้เล่นด้วย ตัวเหรียญนั้นจะมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 640 ล้านเหรียญ
ในตอนนี้นั้น การ์ด NFT จะมีการเสนอผ่าน Opensea เป็นหลัก แต่เมื่อเปิดให้บริการแล้ว ก็จะมีวางขายที่ตลาดของตัวเกมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งจะใช้จ่ายผ่านตัวเหรียญ $SPELLFIRE นอกจากนี้ตัวเหรียญเองก็ยังใช้ในการทำสิ่งอื่นๆ ได้ดังนี้
- ซื้อสิทธิหรือตั๋วการเข้าร่วม Tournament และกิจกรรม
- ใช้เป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันต่างๆ
- เป็นรางวัลหรือแรงพลักดันให้กับสมาชิกในชุมชนที่มีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เช่น Streamer, Influencer
- Staking
- สำหรับเป็นรางวัลในเกมทั้งแบบ Free-to-Play และ Play-to-earn
- ปรับแต่ง 3D Avatar
- สกินของการ์ด
- ตัวละครแทนตัวผู้เล่น (Avatar)
- เพิ่มโอกาสดรอปของสำหรับผู้ถือเหรียญนี้ (Holder)
และสุดท้ายก็จะเป็นการลงเดิมพันสำหรับการที่ผู้เล่นที่มั่นใจในฝีมือ ปะทะกับ AI ที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก ถ้าชนะได้ก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญกลับไปจำนวนมากกว่า!
โดยรวมแล้วตัว Spellfire นั้นก็จัดว่าเป็นการกลับมาของการ์ดเกม collectible (แนวสะสมจัดเดค) สมัยก่อนสู่ยุคใหม่ NFT ที่ทำให้การ์ดดิจิตอลนั้นเหมือนการ์ดของจริงที่ผู้เป็นเจ้าของคือผู้เล่นจริงๆ ก็จัดว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะสมมาก ในด้านของระบบ เหรียญ นั้นก็ใช้เป็นระบบเหรียญเดียวเช่นเคย จากที่ดูแม้จะไม่ระบุเป็นหัวข้อแยกต่างหาก แต่ก็มีการพูดถึงการเล่นแบบ free to play ได้อยู่เช่นเดียวกัน และถึงจุดๆ หนึ่งก็จะสามารถเปลี่ยนการ free to play มาเป็น play to earn ได้อีกด้วย
อย่างที่ได้ระบุไว้ในส่วนของ gameplay ว่าตรงนี้ถ้าเพื่อนๆ สนใจแนะนำให้ลองศึกษาการเล่นจากใน white paper เพิ่มเติมดู เพราะปกติของการ์ดเกมที่เป็น collectible จริงๆ แล้วนั้นจะมีกฎการเล่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์มากพอสมควรเลยทีเดียว ในอนาคตตัวเกมก็จะมีการเชื่อมเข้ากับ Chain อื่นๆ อย่าง Binance และ Solana ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย คงต้องติดตามดูกันไปจ้า