โหมดการเล่นต่างๆ ภายในเกม SYNCED นั้นมีด้วยกันหลายโหมดมากๆ ซึ่งโหมดการเล่นของ Elite Run Endless ก็เป็นหนึ่งโหมดของคอนเทนต์ Endgame ที่เหล่าผู้เล่นต้องเล่นกันทุกสัปดาห์ โดยในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโหมดนี้กันว่ามันคืออะไร และจะมีแนวทางการเล่นยังไงบ้าง มาดูกันได้เลย!
Table of contents
Elite Run Endless คืออะไร ?
โหมด Elite Run Endless หรือเรียกสั้นๆ ว่า Endless คือ โหมดที่มีรูปแบบการเล่นเหมือนกับด่านใน Elite Run ปกติทั่วไป แต่ว่าเราจะต้องผ่านด่านพร้อมเพื่อนร่วมทีมให้ทันในเวลาที่กำหนดแล้วไปได้ไกลที่สุด
สำหรับการปลดล็อคโหมดนี้ จะปลดให้เล่นก็ต่อเมื่อผ่านด่าน Elite Run Normal Tier 5 และมีการจำกัดการลงเล่นต่อสัปดาห์คือ สามารถลงได้ 5 รอบต่อสัปดาห์ โดยจำนวนรอบนี้จะรีทุกวันพฤหสับดีเวลา 7.00 น.
สิ่งที่ทำให้โหมดนี้ต่างจาก Elite Run ทั่วไปเลยก็คือ ในโหมดนี้จะมีการดรอป Runner Mod ระดับสีแดง เพิ่มเข้ามา ซึ่ง Runner Mod ระดับนี้เป็นระดับสูงสุดที่หาได้ยาก ณ ตอนนี้แล้ว อีกทั้งค่าพลังของ Runner Mod ที่เราได้รับจะได้มากกว่าการลงไปฟาร์มด่าน Master Ops+ พอสมควร (ค่าพลังจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเล่นผ่าน Area ไปได้ไกลแค่ไหน)
นอกจากเป็นโหมด Elite Run มีโอกาสดรอป Runner Mod ระดับสีแดงแล้ว คะแนน Elite Run ที่ได้รับหลังจากเล่นจบลง ตัวของโหมดนี้จะได้คะแนนมากสุดในบรรดาโหมดการเล่นของ Elite Run และตัวของโหมด Elite Run จะนำคะแนนมากที่สุด 3 คะแนนไปคิดรวมกันเพื่อรับรางวัลประจำสัปดาห์อีกด้วย ซึ่งก็หมายความว่าเราจำเป็นต้องเล่น Endless ให้ดีมากที่สุด3 รอบต่อสัปดาห์
วิธีการเล่น
ค่าพลัง, ปืน, Runner, Companion Nano และ Build แนะนำ
ก่อนที่จะไปเริ่มเล่นต้องมาดูกันก่อนว่าเรามีค่าพลัง 13,000 – 14,000 ขึ้นไปหรือไม่ เพราะหากมีค่าพลังไม่ถึง 13,000 จะทำให้การเล่น Endless ใน Area ไกลๆ ยากมาก เนื่องจากจะยิงทำดาเมจได้น้อยกับเวลาโดนดาเมจจากพวก Nano แรงมากจนถึงขั้นโดนทีเดียวแล้ว Knock เลย
ในส่วนของปืน, Runner และ Companion Nano ที่แนะนำคือ ตัวปืนจะใช้เป็นปืน Crescendo เพราะดาเมจแรงและมีระยะการยิงกว้างมาก ส่วนของ Runner กับ Companion Nano จะใช้เป็น Dr. Stone คู่กับ Suppressor เพราะจะสามารถฮีลเลือดขึ้นมาแบบไม่ต้องใช้ Medkit ได้ กับเวลาใส่ Mod Shock Value ให้ตัว Companion Nano จะทำให้สามารถยิงแบบไม่ใช้กระสุนได้ในช่วงระยะเวลานึง
สุดท้ายเรื่องของ Build แนะนำจะเป็นการ Build ให้ปืน Crescendo ยิงได้แรงมากที่สุด พร้อมกับเพิ่มโอกาสการเอาตัวรอดระหว่างเล่น โดยจะใช้ Runner Mod ตามข้างล่างนี้เลย
- Affliction Spreader – ทำให้เกิด Affliction Waves เวลาแปะ Affliction ใส่ Nano โดยเราจะใช้ Mod Piercing Bullet ของ Suppressor มาทำให้กระสุนที่ยิงออกไปเกิด Shock Affliction
- Parting Gift – ทำให้มีลูกระเบิดช่วยทำดาเมจใส่พวก Nano เพิ่มเติมได้ หลังจากฆ่าพวกมันด้วยกระสุน
- Head Hunter – เพิ่มการทำดาเมจต่อ Weak Point ของ Nano
- Blood Tax – ช่วยให้เราสามารถเอาตัวรอดได้นานมากยิ่งขึ้น จากการฟื้นฟูเลือดตัวเองขึ้นมาหลังฆ่า Nano ได้
Phase เตรียมต่อสู้
เมื่อกดเริ่มเล่นแล้ว ตัวโหมดนี้จะแบ่งเป็น 2 Phase การเล่นออกเป็น 2 Phase หลักๆ เหมือน Elite Run ทั่วไปคือ Phase เตรียมต่อสู้ และ Phase ต่อสู้ โดยใน Phase เตรียมต่อสู้ก็จะเป็นการให้เราสามารถซื้อ Runner Mod, เกราะ หรือ Medkit เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงไปเล่น
ซึ่งความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับ Elite Run ทั่วๆ ไปเลยก็จะเป็นในเรื่องของราคาเกราะที่แพงมากๆ ทำให้เราไม่สามารถซื้อเกราะเพิ่มระดับได้เลยถ้าไม่มีการเก็บแต้ม Radia ไว้ ดังนั้นในช่วง Area แรกๆ แนะนำว่าให้พวก Runner Mod ให้ซื้อเท่าที่จำเป็นก่อน ไม่ต้องเอาแต้ม Radia ไปรีหา Runner Mod ที่อยากได้ จนกว่าจะซื้อเกราะได้จนถึงระดับสีทองแล้วถึงจะเอาแต้ม Radia ไปรีซื้อ Runner Mod ที่อยากได้
Phase ต่อสู้
หลังจากซื้อของต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้เข้ามาต่อสู้ยิงพวก Nano ต่างๆ ให้ทันตามเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบ แต่ว่า Nano บางตัวในโหมดนี้จะมีความพิเศษคือ จะมีบัฟกันกับเพิ่มสถานะต่างๆ เพิ่มเข้ามา เช่น บัฟกันยิงติดคริติคอล, บัฟกันสถานะ Affliction หรือบัฟเพิ่มดาเมจที่ทำได้ เป็นต้น
นอกจากพวกบัฟที่จะทำให้พวก Nano แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ในช่วง Area 5 ขึ้นไปก็จะมี Nano บางตัวที่จะมีบัฟเร่งเวลากับหยุดเวลาเกิดขึ้นมาด้วย หากเรายิง Nano ตัวนั้นก็จะทำให้เวลาที่เล่นได้ต่อรอบลดลงเร็วขึ้น ซึ่งวิธีแก้คือให้เราฆ่า Nano ที่มีบัฟหยุดเวลาก่อนแล้วรีบไปฆ่าตัวเร่งเวลาให้เร็วที่สุด เพียงเท่านี้เวลาก็จะไม่ลดลงแล้ว
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือหลังจากเล่นจบในแต่ละ Area แล้ว เวลาที่เราจะได้เพิ่มใน Area ถัดไป จะเพิ่มได้จากการเล่นแล้วไม่มีใคร Knockdown, เวลาที่เหลืออยู่ของรอบก่อนหน้า และจำนวนการใช้ Medkit ซึ่งถ้าอยากให้มีเวลาเล่นเยอะๆ ข้อสำคัญก็คือ ห้าม Knockdown กับห้ามใช้ Medkit เลย ดังนั้น Runner Dr. Stone กับ Runner Mod “Blood Tax” จะช่วยเราได้เยอะมาก
สรุปผลคะแนนการเล่น
สุดท้ายเมื่อเวลาที่กำหนดในรอบนั้นหมดลง เกมก็จะทำการตัดจบโดยทันทีและนำเราไปมาหน้าสรุปผลคะแนนการเล่นในครั้งนั้นว่าได้คะแนนเท่าไหร่ โดยหลักการคำนวนคะแนน 3 อย่างคือ
- เวลาที่ใช้เล่น – ยิ่งใช้เวลาน้อยก็ได้โบนัสคะแนนเยอะ
- ดาเมจที่ทำได้ – ยิ่งทำดาเมจได้เยอะก็จะได้โบนัสเยอะตามไปด้วย
- จำนวนครั้งที่ Knockdown – ยิ่ง Knockdown ก็จะทำให้โบนัสที่ได้ลดลงไป
ดังนั้นหากอยากได้คะแนนต่อรอบเยอะๆ ก็ต้องใช้เวลาเล่นให้น้อย, ยิงทำดาเมจให้มาก และห้าม Knockdown เลย
สรุปการเล่น Elite Run Endless
สรุปวิธีการเล่น Endless เลยก็คือ ถ้าอยากเล่นให้ไปได้ไกลมากที่สุด ควรจะมีค่าพลัง 13,000 ขึ้นไป และใช้ปืน Crescendo พร้อมกับ Build ที่เหมาะกับตัวปืน ส่วนเรื่อง Runner กับ Companion Nano ก็จะใช้เป็นตัวของ Dr. Stone คู่กับ Suppressor ทั้งหมด 3 คนเลย เพราะตัวของ Dr. Stone มีสกิลฮีลเลือดที่จะทำให้เรา Knockdown ระหว่างเล่นได้ยากมากขึ้นกับไม่จำเป็นต้องใช้ Medkit ฮีลเลือดขึ้นมา ซึ่งการที่เราไม่ Knockdown และไม่ใช้ Medkit ก็จะทำให้ได้รับเวลาสำหรับเล่น Area ถัดๆ ไปมากขึ้น
แล้วอย่างสุดท้ายที่สำคัญสุดคือ การเล่นแมคคานิคหยุดเวลากับเร่งเวลา ให้ถูกจังหวะมากที่สุด เพราะแมคคานิคนี้เป็นกุญแจสำคัญที่เป็นตัวกำหนดเลยว่า การเล่นรอบนั้นจะไปได้ไกลแค่ไหน
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ!
สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นทาง Facebook ได้ที่: SYNCED Thailand
สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นทาง Discord ได้ที่: Discord SYNCED Thailand