การที่เกมใดเกมนึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง? บ้างก็มีกราฟฟิคสุดตระกาลตา บ้างก็มีเนื้อเรื่องอันเข้มข้นชวนติดตาม หรือแม้แต่เกมเพลย์สุดท้าทายไปจนถึงดนตรีประกอบสุดเร้าใจก็ตามที แต่ถ้าผมบอกว่ามีอยู่หนึ่งเกมซึ่งไม่มีอะไรพวกนี้อยู่เลยแต่สำเร็จได้ด้วย “ระบบ” เพรียวๆ จะเชื่อกันไหมล่ะ?
ซึ่งเกมที่ว่าก็คือ Roblox นั่นเองครับ หลายคนอาจสงสัยว่า “เฮ้ย ใช่หรอไอเกมตัวเหลืองๆ เหลี่ยมๆ นั่นอะนะ!?” ใช่ครับไอเกมนั้นล่ะ โดยในบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่าทำไมเกมนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย แถมยังมีมูลค่าในตลาดสูงกว่า 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกด้วย
Roblox คือเกมอะไร?
Roblox เป็นหนึ่งในวีดีโอเกมที่เปิดตัวมาในช่วงปี 2004 และเรียกว่าเปิดตัวมาได้ยํ่าแย่มากเพราะแทบจะไม่มีแฟนเกมคนไหนรู้จักกับเกมนี้ เนื่องจากช่วงนั้นกระแสของ Minecraft ยังคงสูงอยู่และกลบเกมนี้ชนิดว่าไม่เหลือแม้แต่เงาเลย
โดยจุดเด่นของตัวเกมคือการเปิดให้ผู้เล่นสามารถ “สร้างเกม” หรือ “โหมดการเล่น” ขึ้นมาเป็นของตัวเอง ทำให้เปรียบเสมือนเป็นเกมในเกมอีกทีนึง ซึ่งโหมดที่ได้รับความนิยมสูงอย่างมากในช่วงแรกก็คือ My Restaurant – โหมดสร้างและบริหารร้านอาหารของตัวเอง, Theme Park Tycoon 2 – โหมดเลียนแบบ Rollercoaster Tycoon และ Tower Defence Simulator – สร้างป้อมกันฐาน
สิบปีให้หลังหรือในปี 2014 ทาง Microsoft ได้ทำการซื้อตัวเกมต่อไปในราคา 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีการพูดคุยกันว่าราคาในการซื้อครั้งนี้ “ค่อนข้างถูกเกินไป” เมื่อเทียบกับผลงานที่ตัวเกมสามารถสร้างได้ในเวลาต่อมา
เพราะในปี 2020 ตัวเกมมียอดผู้เล่นสูงถึงกว่า 32.6 ล้านคนในหนึ่งวัน และมียอดผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันกว่า 2.6 ล้านคนต่อชั่วโมงเลยด้วย เทียบกับเกมดังอย่าง Fortnite ที่สามารถทำได้เพียง 25 ล้านคนต่อวัน ทำให้ Roblox มียอดผู้เล่นสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
แล้วเหตุผลที่ทำให้ตัวเกมนี้ประสบความสำเร็จได้เป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
นี่ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือสนามเด็กเล่นของเหล่านักสร้าง
อย่างที่ผมแนะนำไปตอนต้นว่าระบบภายใน Roblox นั้นคือการให้ผู้เล่นสร้างและออกแบบเกมของตน นั่นหมายความว่าถ้าคุณมี “ไอเดีย” และ “ความพยายาม” คุณเองก็สามารถมีเกมของตัวเองได้ รวมทั้งเรายังสามารถเปิดเกมเหล่านี้ให้คนอื่นเข้ามาเล่นได้อีกต่างหาก
แถมเหล่าผู้สร้างยังสามารถหากำไรเล็กๆ น้อยๆ จากการใส่ “ระบบเติมเงิน” เข้าไปในเกมของตน โดยจะมีมาในลักษณะเป็นฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกหรือชุดแฟชั่น ส่วนมากแล้วมักไม่ส่งผลกับเนื้อหาหลักเท่าไหร่นักเป็นเหมือนทางเลือกเสียมากกว่า แล้วการรับเงินคิดยังไง? ทาง Roblox มีการแบ่งรายได้ 30% จากการเติมเงินมาให้กับตัวผู้สร้างเกม ถ้าหากมีคนเติมไป 100 ผู้สร้างจะได้รับแน่นอนเลย 30 นั่นเอง
ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมาทางตัวเกมมีการจ่ายเงินไปแล้วกว่า 328.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับเหล่าผู้สร้างทั้งหลาย แถมยังมีรายงานออกมาด้วยว่า นักสร้างบางคนสามารถทำรายได้กว่า 50,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือนอีกด้วย เรียกว่าสามารถสร้างเป็นธุรกิจเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวได้เลย
ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าของ Roblox นั้นสูงขึ้นหรือลดลงล้วนมาจาก “จำนวนผู้สร้างเกม” ทั้งสิ้น ด้วยว่าเกมส่วนใหญ่ในทุกวันนี้พอเล่นไปถึงจุดหนึ่งมักจะเกิดสภาวะอิ่มตัวและกลายเป็นความน่าเบื่อเข้ามาแทน แต่กับเกมนี้จะต่างกันออกไป ยิ่งผู้สร้างมีเยอะเท่าไหร่นั่นหมายความว่าเกมและคอนเทนต์ใหม่ยิ่งเยอะเท่านั้น ทำให้ตัวเกมดูมีความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้สามารถดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาได้เสมอ
เกมยอดนิยมใน Roblox มีอะไรบ้าง
ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมที่สามารถสร้างเกมได้ ถ้าเราไม่หยิบยกตัวอย่างมาให้ดูกันก็คงจะไม่ได้จริงไหม โดยในคราวนี้ผมจะหยิบเกมยอดนิยมมาลองให้เพื่อนๆ ดูกันว่ามีอะไรบ้าง เอาเป็นว่ามาเริ่มเลยมาๆ
MeepCity
โหมดการเล่นที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2016 เป็นผลงานการสร้างของผู้เล่นนามว่า Alexnewtron โดย MeepCity นี้ยังนับว่าเป็นเกมแรกใน Roblox ที่สามารถทำยอดผู้เล่นได้เกิน 1 พันล้านคนอีกด้วย
รูปแบบการเล่นคือให้ผู้เล่นแต่ละคนเข้าไปรวมในเมือง โดยจะมีกิจกรรมและมินิเกมต่างๆ ให้ได้ทำ พร้อมสะสมเป็นเงินไว้ใช้ซื้อของ แถมยังมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ให้ได้ตกแต่งตามใจฉันอีกต่างหาก เป็นอีกหนึ่งโหมดการเล่นเคียงคู่ Roblox ในทุกวันนี้ไปแล้ว
Adopt Me!
อีกหนึ่งโหมดการเล่นซึ่งถูกปล่อยออกมาในปี 2017 ผลงานของสองนักสร้างเกมเพื่อนซี้อย่าง Bethink และ NewFissy สองผู้เล่นมากความสามารถที่อยู่กับ Roblox มาอย่างยาวนานหลายปี และด้วยประสบการณ์อันมากล้นของทั้งสองได้ช่วยทำให้ Adopt Me! กลายเป็นโหมดการเล่นที่มียอดผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันสูงสุดตลอดกาลไปแล้ว
ตัวเกมมีความคล้ายกับ MeepCity ไม่ปาน เพียงแต่มีการโฟกัสเนื้อหาหลักๆ ไปทางด้าน “เลี้ยงสัตว์” แทน ซึ่งเป็นจุดเด่นประจำการเล่นโหมดนี้เลยและแน่นอนว่านี่คือสิ่งที่ทำให้โหมดนี้มียอดผู้เล่นสูงอยู่เสมอ แถมปัจจุบันยังกลายเป็นโหมดการเล่นอันดับหนึ่งของ Roblox ด้วยเช่นกันในขณะนี้
Jailbreak
เจ้าของรางวัลสาขา “Game I’ve spent the most hour playing” ประจำปี 2019 จากงาน Bloxy Awards เป็นโหมดการเล่นที่แฟนเกมหลายคนบอกว่า “ต้องมาลองเล่นให้ได้สักครั้ง” โดยเป็นผลงานของนักสร้างนามว่า Alex Balfanz
ภายในเกมจะมีการแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ “ผู้ก่อการร้าย” และ “ตำรวจ” ทางฝ่างผู้ก่อการร้ายจะมีภารกิจในการขโมยสิ่งของต่างๆ ก่อกวนโน่นนี่นั่น รวมไปถึงการแหกคุกเพื่อหลบหนีหากถูกจับได้ ในขณะเดียวกันทางตำรวจเองก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดเหล่าตัวร้ายพวกนี้ให้ได้ และจับพวกมันไปขังไว้ในคุก
Tower of Hell
ผลงานการร่วมมือระหว่าง PyxlDev และ ObrenTune กับโหมดการเล่นที่ทำให้ผู้เล่นพากันหัวร้อนเป็นแถบๆ ใน Tower of Hell ภารกิจการปีนขึ้นสู่ยอดหอคอย พร้อมด้วยความยากแบบ “นรก” สมชื่อเกมเลยล่ะนะ
รูปแบบการเล่นเหมือนอย่างที่บอกเลยครับ เพียงแค่คุณปีนขึ้นไปยอดหอคอยเท่ากับผ่านด่าน อาจฟังดูง่ายแต่จริงๆ แล้วตรงกันข้ามเลย ตลอดเส้นทางเพื่อนๆ จะพบเจออุปสรรคมากมายรอขวางอยู่ แถมแต่ละอันยังชวนปวดหัวและพาหัวร้อนไม่น้อย และหากมีใครเข้าเส้นชัยเมื่อไหร่นรกก็พร้อมมาเยือนเมื่อนั้น เพราะทุกครั้งหากมีใครเข้าเส้นชัยไป เวลาจะยิ่งนับถอยหลังไวขึ้น สิ่งเดียวที่เราทำได้คือต้องรีบไปให้ถึงเส้นชัยก่อนคนอื่นเขา
Work at Pizza Place
ใครจะไปคิดกันล่ะว่าการทำงานในร้านพิซซ่ามันจะสนุกขนาดนี้ กับโหมดสไตล์การเล่นแนว Role Play ที่ให้ผู้เล่นมาเป็นพนักงานร้าน Pizza ของ Roblox โดยเป็นผลงานการสร้างของ Dued1 เจ้าตัวบอกว่าได้ไอเดียและแรงบันดาลใจมาจากในช่วงที่เขาทำงานเป็นเด็กหิ้วของในร้านของชำล่ะนะ
แล้ววิธีเล่นต้องเล่นยังไงล่ะ? ง่ายๆ เลยครับรอลูกค้าสั่งออเดอร์มาแล้วเราก็ทำไปส่งแค่นั้นเอง โดยเราสามารถนำเงินจากการส่งออเดอร์มาทำการขยายร้านของเราได้ แถมยังสามารถใช้ในการอัพเกรดต่างๆ ได้อีก ตลอดจนถึงการแต่งร้านออกมาในสไตล์ของเราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ถ้าคุณอยากลองเป็นพนักงานพิซซ่าดูแล้วล่ะก็ Work at Pizza Place นี่ละคือคำตอบเลย
อุปสรรคกับการถูกมองว่าเป็นเกมสำหรับเด็ก
ในช่วงเปิดตัว Roblox ได้ถูกเกมดังอย่าง Minecraft กลบจนมิดเลยส่งผลให้ตัวเกมไปไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่นักในช่วงแรกเริ่ม แต่จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ตัวเกมต้องเจอหรอกนะ เพราะมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคไม่แพ้กันเลยนั่นคือการดูถูกมองว่าเป็น “เกมสำหรับเด็ก”
มีผู้เล่นหลายคนเลยทีเดียวเมื่อเห็นภาพในเกมแล้วเลือกที่จะหลีกหนีเกมนี้ไป โดยพวกเขาให้เหตุผลว่ามันดูเป็นเด็กเกินไปและเลือกไม่เปิดใจยอมรับ แน่นอนว่ามันเป็นปัญหาอีกอย่างที่ต้องพบเจอและใช้เวลาพิสูจน์ตนเองนานพอสมควรเลย
แต่ท้ายสุดแล้ว Roblox ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตนพร้อมพิสูจน์ว่านี่คือเกมที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย ส่งผลให้แฟนเกมที่เคยสบประมาทเริ่มเปิดใจกันเข้ามาเล่นมากขึ้นก่อนจะเข้ามาตกหลุมรักเกมนี้กันอย่างเต็มเปา รู้ตัวอีกทีก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้กันไปแล้ว ส่วนใครไม่เชื่อว่าเกมนี้สนุกจริงงั้นคงต้องเข้ามาลองเล่นกันเองแล้วล่ะนะ
อนาคตของ Roblox
หากดูจากการเติบโตในแต่ละปีแล้ว Roblox มีแววจะเติบโตขึ้นไปมากกว่านี้อีกมากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะจริงหรือเปล่า เพราะปัจจัยหลักล้วนแล้วมาจากเหล่านักสร้างเกมทั้งสิ้น
หากวันดีคืนดีเกิดมีเกมใหม่ออกมาเหมือนกับ Roblox เลยจะทำยังไงล่ะ? อย่างล่าสุดนี้เกม Core จากค่าย Epic เองก็เริ่มหันมาใช้ระบบเดียวกันแล้ว แถมภาพยังสวยกว่ามากเลย แต่เนื่องจากตัวเกมยังเป็นเวอร์ชั่นทดสอบอยู่จึงทำให้มีปัญหาโน้นนี้เต็มไปหมดเลยยังไม่น่าห่วงมากนัก แต่ถ้าหากตัวเกมถูกแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น Core อาจจะกลายมาเป็นศัตรูอันน่ากลัวของ Roblox เลยทีเดียว
แต่อย่างที่บอกครับเราคาดเดาไม่ได้หรอก ใครจะไปรู้เกิดวันไหน Roblox อัปเดตอะไรแปลกๆ เข้ามาแล้วเกิดมันปังขึ้นมาล่ะ Core อาจจะกลายเป็นเกมตกกระป๋องไปแทนก็ได้ คงต้องเฝ้าดูกันต่อไปเท่านั้นแล้วล่ะ
เพื่อนๆ คนไหนกำลังมอง Roblox ด้านไม่ดีอยู่ ผมอยากให้ช่วยเบรคความคิดนั้นไว้ก่อน แล้วลองเข้าไปเล่นกันดูสักนิด มุมมองและความคิดของเพื่อนๆ อาจเปลี่ยนไปเลยก็ได้นะ ลองเข้าไปพิสูจน์กันดูสักนิดว่าเกมนี้คู่ควรกับมูลค่าบนตลาดกว่า 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จริงหรือเปล่า หรือถ้าใครเล่นเกมนี้อยู่ชื่นชอบตรงจุดไหนอะไรยังไงลองคอมเมนต์เพิ่มเติมได้เช่นเคยนะ